4 สัญญาณตลาดกระทิง
หากนักลงทุนประเมินตลาดหุ้นได้แม่นยำ ย่อมทำกำไรได้ตามใจนึก แต่โลกการลงทุนไม่มีใครที่ทำเช่นนั้นได้ จึงมีคำกล่าวเอาไว้ว่า ไม่มีใครในโลกที่สามารถเอาชนะตลาดได้ ดังนั้น นักลงทุนทุกคนได้แต่พยายามหาวิธีบ่งชี้ว่าเมื่อไหร่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของภาวะตลาดกระทิง และนี่คือ 4 สัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดเป็นขาขึ้นแล้ว
1.กลุ่มอุตสาหกรรมหลักปรับตัวขึ้น
สังเกตได้ว่าช่วงภาวะตลาดกระทิง นักลงทุนจะมีความต้องการ “ซื้อ” มากกว่า “ขาย” เพราะเชื่อมั่นเศรษฐกิจกำลังจะเติบโตดีในอนาคต แต่การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นก็ไม่ได้ปรับไปในทิศทางเดียวกันหมด ยังมีบางกลุ่มอุตสาหกรรมปรับขึ้นก่อนอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งจะเป็นสัญญาณให้จับทิศทางได้
เช่น หุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มอุตสาหกรรม หรือกลุ่มค้าปลีก เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่บ่งบอกสัญญาณขาขึ้น นักลงทุนรายใหญ่ นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักอย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าขยับลง และเมื่อตลาดหุ้นปรับลงและนักลงทุน (ทุกกลุ่ม) ซื้อหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าพวกเขามั่นใจในภาวะตลาดเพียงใด
2.ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญดูดี
ช่วงเศรษฐกิจซบเซา ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจจะปรับลดลง แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ดัชนี้ดังกล่าวจะฟื้นตัวตามไปด้วย โดยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่รู้จักกันดีนั่นคือ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ตัวเลขการเพิ่มขึ้นของการผลิตภาคอุตสาหกรรม การลดลงของอัตราการว่างงาน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งช่วยบอกถึงทิศทางของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้
3.การลดค่าของสินทรัพย์ในตลาดเงิน
“ตลาดทุนชอบข่าวดี ตลาดเงินชอบข่าวร้าย” โดยธรรมชาติเมื่อนักลงทุนมีมุมมองที่ไม่ดีต่อเศรษฐกิจก็มักจะโยกย้ายเงินลงทุนจากตราสารที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น หุ้น หรืออนุพันธ์) ไปยังตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า (เช่น พันธบัตร หรือหุ้นกู้ และเงินฝาก) ในภาวะตลาดหุ้นซบเซา ตราสารในตลาดเงินจึงมีราคาขยับขึ้น ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น สัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นกำลังกลับสู่กระทิง ต้องดูว่าความต้องการสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำในตลาดเงินลดลง จนราคาขยับลงมาบ้างหรือยัง
4. ดัชนีตลาดหุ้นมีเสถียรภาพ
เป็นสัญญาณที่มักใช้ตัดสินภาวะตลาดเป็นหลัก แต่อย่าถูกภาพลวงตาของตลาดหุ้นหลอก เพราะดัชนีตลาดหุ้นสามารถเกิดการรีบาวด์ในช่วงสั้นได้ โดยการที่ตลาดหุ้นจะเป็นกระทิงได้นั้นต้องมีการขยับขึ้นเป็นแนวโน้มที่ชัดเจน
แน่นอนว่า ความรอบคอบย่อมมาพร้อมกับเวลาที่ต้องใช้ในการพิจารณา ยิ่งคอยสังเกตุให้ชัดเจนว่าภาวะตลาดเป็นขาขึ้นแน่นอนเท่าไหร่ โอกาสทำกำไรในการลงทุนก็ลดน้อยลงไปเท่านั้น เพราะต้องรอให้ราคาหุ้นขึ้นมาจนมั่นใจก่อน อย่างไรก็ตามความรอบคอบก็มาพร้อมกับโอกาสในการขาดทุนที่ลดน้อยลงด้วย ดังนั้น นักลงทุนต้องตอบตัวเองว่าให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากันระหว่าง “ผลตอบแทน” หรือ “ความเสี่ยง”
กด Subscribe รอเลย…