5 สุดยอดกองทุนรวมผสม ดีทั้งกำไร ปลอดภัยเบอร์ห้า
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ถ้าเอ่ยถึงกองทุนรวม กองทุนรวม LTF กับ RMF น่าจะป๊อปปูล่าสุดๆ รองลงมาเห็นจะเป็นกองทุนรวมหุ้นหรือไม่ก็กองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ แต่เมื่อไหร่ที่ตลาดหุ้นไม่สดใส ตราสารหนี้ไม่เป็นใจ ครั้นจะไปกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนต่างประเทศก็กล้าๆ กลัวๆ ถ้าเป็นแบบนี้ลองมอง “กองทุนรวมผสม” สักกอง สองกอง น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับช่วงตลาดผันผวน
ขึ้นชื่อว่าผสม ก็คือนำสิ่งของสองสิ่ง (หรือมากกว่านั้น) มารวมเข้าด้วยกัน เช่นเดียวกันกับ “กองทุนรวมผสม” คือการนำเงินนักลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ในสัดส่วนที่พอเหมาะพอควรตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุนและนโยบายการลงทุน นั่นหมายความว่าจะนำไปลงทุนในหุ้นส่วนหนึ่ง ตราสารหนี้ส่วนหนึ่ง ฝากแบงก์เอาไว้อีกส่วน หรือแบ่งไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ก็ได้
การผสมผสานในลักษณะนี้ของกองทุนรวมผสมก็เพื่อช่วยลดความเสี่ยง (ความผันผวน) จากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ซึ่งนักลงทุนคงคุ้นเคยดีว่าช่วงไหนที่ตลาดหุ้นเป็นขาลง หากมีกองทุนรวมหุ้นก็แทบไม่อยากมองผลตอบแทนเลย หรือช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ต่างชาติขายพันธบัตรไทยหนักๆ ใครที่ซื้อพันธบัตรระยะยาวเอาไว้ก็คงปวดใจ หรือใครที่มีเงินฝากในแบงก์เยอะๆ อาจจะพลาดโอกาสได้ผลตอบแทนสูงขึ้นเล็กน้อยจากการไม่แบ่งไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
กองทุนรวมผสมจึงเข้ามาตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนหุ้นบ้าง ตราสารหนี้อีกนิด ถือเงินสดเล็กน้อย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือทองคำ
พูดง่ายๆ กองทุนรวมผสมจะกระจายลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท (Multi-asset) ทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น ไม่พลาดโอกาสในช่วงตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น และเมื่อตลาดหุ้นไม่ดีก็ยังมีตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์อื่นๆ แม้แต่ถือเงินสด คอยค้ำจุนไม่ให้ผลตอบแทนลดลงจนถึงขั้นขาดทุน นั่นคือ ช่วยลดการขาดทุนจากตลาดใดตลาดหนึ่ง
ถ้าสนใจกองทุนรวมผสมสักกองสองกอง จะเริ่มต้นอย่างไร ซึ่งคุณสิรภัทร เกาฏีระ CFP® นักวางแผนการเงิน สมาคมนักวางแผนการเงินไทย แนะนำว่าอย่างแรกให้เลือกกองทุนรวมผสมที่มีสัดส่วนลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทให้เหมาะสม สามารถใช้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมไปถึงระยะเวลาของการลงทุนเข้ามาช่วยในการตัดสินใจ
ถัดมา ให้เปรียบเทียบกองทุนรวมผสมที่มีสัดส่วนการลงทุนที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เกณฑ์ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เน้นเลือกกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่ดี สม่ำเสมอ และอย่าลืมดูค่าธรรมเนียมกองทุนรวม เนื่องจากค่าธรรมเนียมกองทุนรวมจะมีผลต่อผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคต
จากนั้น เริ่มต้นลงทุนด้วยการมีวินัยลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกๆ เดือนเพื่อไปสู่เป้าหมายการเกษียณ และไม่จำเป็นต้องใช้การจับจังหวะการลงทุน และสุดท้ายเมื่อลงทุนไปแล้วต้องติดตามผล เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและราคาของสินทรัพย์ในแต่ละประเภทมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ควรติดตามผลการลงทุนต่อเนื่องปีละ 1 – 2 ครั้ง
และนี่คือ 5 สุดยอดกองทุนรวมผสมที่มีผลตอบแทนดีที่สุด (คำนวณ 3 ปีย้อนหลัง) และมีคะแนนสูงสุดได้ 5 ดาว จาก Morningstar สะท้อนถึงผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอและมีความปลอดภัยในระดับที่ไว้วางใจได้