8 หุ้น กระแสเงินสด จากการดำเนินงาน “บวก” ลงทุนแล้วสบายใจ
กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 และสถานกาณ์ล่าสุดจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนและมีท่าทีว่าจะยืดเยื้อ ผู้ประกอบการต้องหากลยุทธ์การทำธุรกิจเพื่อทำให้ผลการดำเนินงานยังเติบโตต่อไปได้ เพราะถ้ายอดขายตกต่ำอาจถึงขั้นขาดทุน และสิ่งที่ตามมา คือ ไม่มีเงินเข้าในการนำไปต่อยอดทำธุรกิจ หมายความว่า สภาพคล่องทางการเงินมีความสำคัญต่อความอยู่รอดในการทำธุรกิจ โดยจะสังเกตเห็นว่าถึงแม้บริษัทจะมีผลกำไร แต่ถ้าไม่มีเงินสดในมือ ที่เรียกว่า ขาดสภาพคล่องก็อาจถึงขั้นปิดกิจการ
ตัวเลขกำไรในแสดงในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ คือ การบันทึกตามเกณฑ์เงินค้าง ณ ช่วงเวลาหนึ่ง จึงไม่ใช่เงินสดรับจ่ายจริง ทำให้ไม่รู้ว่าบริษัทมีเงินสดในมือมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ถ้าจะดูว่าบริษัทมีสภาพคล่องดีแค่ไหน ให้ดูงบกระแสเงินสด เพราะบริษัทจะบันทึกรายการทางบัญชีที่เกิดขึ้น ณ จุดที่บริษัทได้รับเงินเข้ามา ณ ตอนนั้น เช่น ขายสินค้าออกไปก็บันทึกรายการในงบกระแสเงินสดเมื่อได้รับเงินเข้ามาจริง ๆ ทำให้งบกระแสเงินสดเปรียบเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงการทำธุรกิจ และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Cash Flow from Operation : CFO) สามารถบอกได้ว่าบริษัทมีสภาพคล่องหรือไม่
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อธิบายว่า กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน หมายถึง กระแสเงินสดที่เกิดจากกิจกรรมหลักที่ก่อให้เกิดรายได้และค่าใช้จ่าย เริ่มจากนำเงินไปซื้อวัตถุดิบมาผลิต จากนั้นนำสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วไปขายและรับเงินค่าขายสินค้า
ดังนั้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานต้อง “เป็นบวก” หมายความว่า บริษัทขายของแล้วได้เงินสดเข้ามา หรืออีกนัยหนึ่ง คือ มีสภาพคล่อง ถ้าจะนำไปขยายธุรกิจ ลงทุนต่อ จ่ายดอกเบี้ย หรือจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นก็นำไปใช้ได้ทันที
ตรงกันข้าม หากบริษัทมีกระแสเงินสด “ติดลบ” คาดเดาได้ว่าขาดสภาพคล่อง ถ้าคิดจะขยายธุรกิจคงติด ๆ ขัด ๆ และแน่นอนอาจเห็นการประกาศงดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น หรือถ้าบริษัทไม่ได้รับเงินเพียงพอจากการทำธุรกิจก็ต้องหาแหล่งเงินทุนภายนอกชั่วคราว เช่น กู้ยืม ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น ภาระหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นและอาจทำให้ธุรกิจไม่ยั่งยืนในระยะยาว
ดังนั้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจึงเป็นตัวเลขสำคัญในการประเมินความมั่นคงทางการเงินของการทำธุรกิจของบริษัท