×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

16 หุ้น ปันผลงาม ราคาน่าคบ

2,701

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ตลาดหุ้นไทยปรับฐานอย่างชัดเจน อาจเป็นโอกาสอีกครั้งในการเข้าซื้อ แต่เพื่อลดความเสี่ยงจากผลขาดทุนและความผันผวนของราคาหุ้น จึงต้องคัดกรองหุ้นอย่างรอบคอบเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนทั้งกลยุทธ์เล่นรอบ และรอรับเงินปันผล

 

หุ้นประเภทที่มีความผันผวนจากราคาหุ้นต่ำ คือ หุ้นที่จ่ายเงินปันผลต่อเนื่องสม่ำเสมอ ดังนั้น นักลงทุนควรมองหุ้นที่มีอัตราส่วนผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงติดต่อกันหลายปี ซึ่ง ROE แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรจากส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดผลตอบแทนต่อส่วนของทุนของบริษัท ว่าให้ผลเฉลี่ยในระดับใด ยิ่ง ROE มีค่ามาก หมายถึง บริษัทมีการทำกำไรที่ดีและมีโอกาสจ่ายเงินปันผล หรือราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นได้ โดยปกติ ROE สะท้อนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น เพราะเปรียบเสมือนว่านักลงทุนเป็นเจ้าของบริษัท ดังนั้น ควรเลือก ROE สูง เพื่อจะได้บริษัทที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่องสม่ำเสมอ

 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวไว้ว่า ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นจะดูก่อนว่าบริษัทนั้นมี ROE สูงหรือไม่ เพราะเชื่อว่าหาก ROE สูง จะสะท้อนว่าบริษัทมีความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว เพราะหมายถึง กำไรสุทธิที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ

 

นอกจากนี้ หากพูดถึงการคัดหุ้นเข้าพอร์ตของนักลงทุนระยะยาวแล้ว อัตราส่วนทางการเงินประเภทหนึ่งที่สำคัญ คือ อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ซึ่งเป็นตัวบอกว่านักลงทุนพอใจจะจ่ายเงินเป็นกี่เท่าของผลกำไรของบริษัทเพื่อซื้อหุ้นนั้นมา และคาดหวังกระแสของกำไรที่จะได้มาอย่างต่อเนื่องในอนาคต

 

P/E Ratio ใช้แสดงถึงความถูกหรือความแพงของหุ้นในเชิงเปรียบเทียบ นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าการลงทุนหุ้นที่มีค่า P/E Ratio ต่ำ น่าจะมีโอกาสสร้างผลกำไรสูงกว่าการลงทุนในหุ้นที่มี P/E Ratio สูง ซึ่งการลงทุนหุ้นในระยะยาว หุ้นที่มี P/E Ratio ต่ำ จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับการลงทุนใน P/E Ratio สูง แต่ข้อควรระวังของการลงทุนในหุ้น P/E Ratio ต่ำ คือ กำไรต่อหุ้นของกิจการอาจเกิดจากการตบแต่งตัวเลขทางบัญชี เช่น กำไรต่อหุ้นสูง อาจเกิดจากรายการผิดปกติที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานปกติ เช่น กำไรจากการขายสินทรัพย์ การได้รับชดเชยค่าประกันภัย ซึ่งมีผลทำให้กำไรต่อหุ้นสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น และมีผลให้ P/E Ratio ต่ำเกินไป

 

สำหรับนักลงทุนที่เน้นกลยุทธ์ลงทุนระยะสั้นหรือเล่นรอบ เพื่อให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้น (Capital gain) เมื่อตลาดเป็นขาขึ้น ควรคัดเลือกหุ้นที่ราคายังปรับขึ้นไม่มากหรือไม่ปรับขึ้นเลย หรือเรียกหุ้นกลุ่มนี้ว่า หุ้น Laggard ซึ่งเป็นหุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้นเหมือนตัวอื่น ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนหุ้น Laggard คือ ซื้อก่อนนักลงทุนคนอื่น ๆ และต้องมั่นใจว่ามีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และราคาหุ้นจะปรับขึ้นในอนาคตอันใกล้

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats