1O กองทุนรวมตราสารหนี้โลก ผลตอบแทนโดดเด่น
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ข้อมูลล่าสุดพบว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้โลก ที่ออกโดย บลจ.ในประเทศไทย มี 76 กอง เมื่อปีที่แล้วมีเพียง 3 กองเท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก ที่เหลือติดลบ และเมื่อเฉลี่ยแล้วก็ให้ผลตอบแทนติดลบ 11.01% นับเป็นปีที่ไม่สวยงามสำหรับการลงทุนตราสารหนี้ ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวของธนาคารทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด)
บลจ.บัวหลวง ระบุว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนตราสารหนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ลดทอนความน่าสนใจ เริ่มจากช่วงวิกฤตโควิดที่หลายๆ ประเทศประกาศลดอัตราอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างรวดเร็วเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ทำให้ต่อมาอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้พันธบัตร เงินฝากทั่วโลกลดลง ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ก็ลดลงตาม และบางช่วงผลตอบแทนกองทุนเพื่อบริหารสภาพคล่องที่ใกล้เคียงเงินฝาก ผลตอบแทนลดลงจนพอๆ กับอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ ทำให้นักลงทุนไม่สนใจกองทุนตราสารหนี้ ประกอบกับกองทุนหุ้นปรับขึ้นสูงในช่วงหลังประกาศการค้นพบวัคซีน ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนให้ย้ายเงินลงทุนออกจากตราสารหนี้
อีกทั้ง เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เกิดปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง ธนาคารกลางต่างๆ เร่งประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็ว ทำให้ตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวๆ ราคาตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการขาดทุน ความน่าสนใจของกองทุนตราสารหนี้ก็ยิ่งลดลงไปอีก โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะกลางถึงระยะยาว รวมถึงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางจะยังไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่ายๆ ทำให้ความน่าสนใจของกองทุนตราสารหนี้ยังคงไม่กลับมา
แต่สำหรับในปี 2566 ตราสารหนี้กลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน โดย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ให้ความเห็นว่า บรรยากาศการลงทุนในตราสารหนี้จะดีขึ้นจากการที่เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแรงเหมือนปีที่แล้ว อัตราเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุด ความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยลดลง
เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนตราสารหนี้จะไม่ถูกกดลงจากราคาตราสารหนี้ที่ลดลงที่มาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดังนั้น ผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่กลับคืนสู่นักลงทุนในกองทุนรวมก็จะกลับมาสูงขึ้นตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในภาพรวม ซึ่งจะทำให้กองทุนกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
จากสถิติในช่วงปี 2523–2563 พบว่าตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายผ่านจุดสูงสุด พันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นกู้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และแนวโน้มราคาตราสารหนี้ไม่ค่อยผันผวนในช่วงตลาดเป็นขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตราสารหนี้จะเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง แต่คำแนะนำจาก บลจ.บัวหลวง คือ สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ การเลือกกองทุนว่ามีนโยบายลงทุนระดับคุณภาพของตราสารหนี้แบบใด เพราะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง ย่อมส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการของกองทุน ดังนั้น ตราสารหนี้ที่ควรพิจารณาควรเป็นตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่น่าเชื่อถือ หรือหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทที่มีกิจการแข็งแกร่ง มีฐานลูกค้าที่ดี กิจการมีการเติบโตและยังคงมีรายได้ต่อเนื่องแม้ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
