×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

1O กองทุน ETF ค่าย J.P. Morgan ยอดฮิต

1,048

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Youtube | Facebook | TikTokInstagramLine 

 

ในโลกของการเงินและการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กองทุนรวมดัชนี (ETF) ได้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมด้วยจุดเด่นด้านความคล่องตัว ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และความโปร่งใส และถ้าพูดถึงกองทุน ETF แบบเชิงรุก (Active ETF) ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ต้องมีกองทุนที่นำเสนอโดย J.P. Morgan หนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ด้วย

 

การเข้าสู่สนามกองทุน ETF ของ J.P. Morgan เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2014 โดยมีกองทุนแรกที่เปิดตัวคือ JPMorgan Diversified Return Global Equity ETF (JPGE) ซึ่งเริ่มซื้อขายในตลาด NYSE Arca ซึ่งเป็นตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาสำหรับการจดทะเบียนและซื้อขายกองทุนรวม ETF ในเดือนมิถุนายนปีนั้น

 

ในช่วงแรก J.P. Morgan ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน ETF แบบการลงทุนตามดัชนี (Passive ETF) ก่อนจะต่อยอดและมุ่งเน้นพัฒนาการบริหารพอร์ตเชิงรุก (Active ETF) ในหลายประเภทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์นี้สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำนวัตกรรมมาตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนทั้งสายที่ต้องการลงทุนแบบ Passive และสายที่ต้องการการบริหารพอร์ตแบบ Active จนปัจจุบัน J.P. Morgan ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่ม Active ETFs และยังคงออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อนำเสนอให้กับนักลงทุนทั่วโลก

 

4 เหตุผลการบุกตลาดกองทุน ETF

 

ทำไมยักษ์ใหญ่อย่าง J.P. Morgan ที่มีชื่อเสียงด้านการบริหารกองทุนแบบ Active มานาน จึงตัดสินใจกระโดดเข้ามาในธุรกิจกองทุน ETF คำตอบ คือ ปัจจัยสำคัญ 4 ข้อที่สอดคล้องกับเทรนด์การลงทุนระดับโลก

 

1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักลงทุน 

 

นักลงทุนทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนผ่านกองทุน ETF มากขึ้น เนื่องจากมีความคล่องตัวสูง มีค่าธรรมเนียมต่ำ และเข้าถึงสินทรัพย์หลากหลายประเภทได้ง่าย

 

2. โอกาสการเติบโตในธุรกิจสินทรัพย์ 

 

ตลาดกองทุน ETF เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่ทั้งในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และโดยเฉพาะกลุ่ม Active ETF ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ J.P. Morgan จะขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ระยะยาว

 

3. ความได้เปรียบทางกลยุทธ์ 

 

J.P. Morgan ต้องการนำความเชี่ยวชาญด้าน Active Management ที่มีอยู่แล้ว มาเสนอในรูปแบบกองทุน ETF ที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นและบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่า เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ต้องการทั้งโซลูชัน Active และ Passive

 

4. ตอบรับเทรนด์โลกที่เปลี่ยนแปลง 

 

ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนมักสนใจ Passive ETF แต่เมื่อโลกเข้าสู่ช่วงดอกเบี้ยสูงและตลาดผันผวน การบริหารกองทุนแบบ Active เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจึงกลับมามีความสำคัญอีกครั้ง ทำให้ J.P. Morgan ขยายธุรกิจ Active ETF อย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา

 

ความโดดเด่นของกองทุน ETF 

 

สิ่งที่ทำให้กองทุน ETF ของ J.P. Morgan กลายเป็นที่นิยมและผู้นำตลาดมีหลายมิติ ทั้งในกลุ่ม Active และ Passive มีดังนี้

 

1. ความเชี่ยวชาญด้าน Active ETF ที่เป็นเลิศ 

 

J.P. Morgan กลายเป็นผู้นำในตลาด Active ETF โดยเน้นกลยุทธ์ที่สร้างรายได้และบริหารความเสี่ยงไปพร้อมกัน ตัวอย่างที่โด่งดัง คือ กองทุน ETF JEPI (JPMorgan Equity Premium Income ETF) และกองทุน ETF JEPQ (JPMorgan Nasdaq Equity Premium Income ETF) ที่ใช้กลยุทธ์ลงทุนในหุ้นคุณภาพพร้อมกับขายออปชั่นแบบ Covered Call เพื่อสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ทำให้เป็นที่ต้องการของนักลงทุนที่เน้นรายได้ ซึ่งความสำเร็จนี้สะท้อนจากการที่ได้รับเงินลงทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง และได้รับรางวัลด้านการบริหารจัดการพอร์ตเชิงรุกที่มีคุณภาพจากสถาบันชั้นนำ เช่น Morningstar

 

2. โครงสร้างยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำ 

 

กองทุน ETF ของ J.P. Morgan ได้เปรียบด้วยโครงสร้างที่สามารถเสนอค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป ทำให้ดึงดูดนักลงทุนที่เน้นการประหยัดต้นทุน นอกจากนี้ยังมีความโปร่งใส สภาพคล่องดี และมีการใช้เครื่องมืออย่าง Option/Derivatives มาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดพอร์ตลงทุน

 

3. การประยุกต์ใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย 

 

J.P. Morgan นำประสบการณ์การบริหารกองทุนประเภทอื่นๆ เช่น กองทุนรวมแบบ Growth หรือ Fixed Income มาปรับใช้ในกองทุน ETF ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วโลกสามารถเข้าถึงกลยุทธ์ใหม่ๆ ได้ในโครงสร้างที่สะดวกและเหมาะกับตลาดยุคใหม่

 

เหมาะกับนักลงทุนอย่างไร?

 

ด้วยความหลากหลายและกลยุทธ์ที่โดดเด่น ทำให้กองทุน ETF ของ J.P. Morgan ตอบโจทย์นักลงทุนได้หลากหลายกลุ่ม

 

  • ผู้ต้องการรายรับประจำ เหมาะกับผู้ที่ใกล้เกษียณหรือต้องการ Passive Income สม่ำเสมอจากการปันผล โดยยอมรับการเติบโตของราคาหุ้นที่ไม่สูงมากนัก โดยกองทุน ETF JEPI และ JEPQ เน้นกลยุทธ์สร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวน 
  • ผู้เน้นการป้องกันความเสี่ยง เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตมีความผันผวนต่ำลง เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นเพียงกลุ่มเดียว
  • ผู้ต้องการทางเลือก Active เหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในการบริหารจัดการของมืออาชีพ แต่ยังคงต้องการความคล่องตัวของกองทุน ETF
  • ผู้ต้องการทางเลือก Passive เช่น กองทุนที่เน้นตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรป แคนาดาหรือญี่ปุ่น เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการความเรียบง่ายและต้นทุนต่ำสุด

 

การเข้าสู่ธุรกิจ ETF ของ J.P. Morgan ไม่ใช่แค่การเข้าร่วมเทรนด์ แต่เป็นการนำจุดแข็งด้าน Active Management มาผสานกับความต้องการของตลาดโลกได้อย่างลงตัว พวกเขาไม่เพียงแต่เสนอกองทุนที่ลงทุนตามดัชนี แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกในกลุ่ม Active ETF ที่ให้ทั้งโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าและการจัดการความเสี่ยงที่ชาญฉลาด

 

สำหรับนักลงทุนทั่วไป การมีทางเลือกอย่างกองทุน ETF ของ J.P. Morgan คือ การเข้าถึงกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกในต้นทุนที่เข้าถึงได้ง่ายและมีความโปร่งใสสูง ทำให้สามารถจัดพอร์ตที่ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินได้ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงตลาดขาขึ้นหรือตลาดผันผวน

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats