TISA เปลี่ยนเกณฑ์ภาษี ที่คนไทยทุกคนต้องรู้
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
ปรับโครงสร้างภาษีใหม่และตัวช่วยลดหย่อนภาษี ที่ทุกคนเห็นแล้วต้องร้อง ส่วนใครจะร้องแบบไหน อ่านเพิ่มเติมได้เลย
8 ธ.ค. 68 ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่เป็นกระแสบนโลกโซเชียลของคนวัยทำงานที่เสียภาษี คงหนีไม่พ้นทางเลือกลดหย่อนภาษีใหม่ TISA ที่คาดว่าจะเริ่มใช้สิทธิได้ ม.ค. 69 ที่มาพร้อมกับเงื่อนไขการลดหย่อนสุดแปลก ที่คนรายได้สูงกลับเหมือนใช้สิทธิได้น้อยลง
TISA ใช้สิทธิได้เท่าไร
จำนวนเงินการใช้สิทธิ TISA (Thailand Individual Savings Account: โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล) แต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ขึ้นกับรายได้ทั้งปี โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
1. คนรายได้ ไม่เกินปีละ 1.5 ล้านบาท
- เทียบเท่าคนเงินเดือนไม่เกิน 125,000 บาท (กรณีไม่มีโบนัสหรือรายได้อื่น)
- เงินลงทุน TISA ใช้สิทธิได้ 1.3 เท่า แต่ไม่เกิน 800,000 บาท ทำให้สามารถขอคืนหรือประหยัดภาษีได้ประมาณ 1.3 เท่าของฐานภาษีปัจจุบัน เช่น
- คนเงินเดือน 30,000 บาท ฐานภาษี 5% ได้เงินคืนภาษีประมาณ 6.5%
- คนเงินเดือน 100,000 บาท ฐานภาษี 25% ได้เงินคืนภาษีประมาณ 32.5% หรือได้เงินคืนมากกว่า คนฐานภาษี 30% (เช่น เงินเดือน 200,000 บาท)
2. คนรายได้ เกินปีละ 1.5 ล้านบาท
- เงินที่ลงทุน TISA ใช้สิทธิได้ 0.7 เท่า แต่ไม่เกิน 800,000 บาท ทำให้สามารถขอคืนหรือประหยัดภาษีได้ประมาณ 0.7 เท่าของฐานภาษีปัจจุบัน เช่น
- คนเงินเดือน 200,000 บาท ฐานภาษี 30% ได้เงินคืนภาษีประมาณ 21%
- คนเงินเดือน 500,000 บาทขึ้นไป ฐานภาษี 35% ได้เงินคืนภาษีประมาณ 24.5% หรือได้เงินคืนน้อยกว่า คนฐานภาษี 25% (เช่น เงินเดือน 100,000 บาท)
TISA ถือเป็นทางเลือกลดหย่อนภาษี ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวยหรือรายได้สูงเท่านั้น เพราะต่อให้รายได้น้อย เงินคืนภาษีที่ได้ก็สูงกว่าการใช้สิทธิในทางเลือกอื่นๆ ถึง 30%

เงื่อนไขการลงทุน TISA
- ถือลงทุนถึงอายุ 55 ปีขึ้นไป และต้องไม่น้อยกว่า 5 ปี คล้ายกับเงื่อนไขการลงทุน RMF แต่ไม่ยังมีความชัดเจนว่า ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีเหมือน RMF หรือไม่
- ลดหย่อนได้สูงสุด 800,000 บาท และเมื่อรวมกับการใช้สิทธิลดหย่อนอื่น เช่น ประกันบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบช. กองทุน RMF กองทุน ThaiESG ฯลฯ แล้วต้องไม่เกิน 800,000 บาทด้วย โดย
- คนที่รายได้ ไม่เกินปีละ 1.5 ล้านบาท ลงทุนได้จริงสูงสุด 615,385 บาท
- คนที่รายได้ เกินปีละ 1.5 ล้านบาท ลงทุนได้จริงสูงสุด 1,142,857 บาท
ลักษณะการลงทุนของ TISA
แม้ยังไม่มีประกาศทางการเกี่ยวกับลักษณะของ TISA แต่จากข้อมูลต่างๆ ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ คาดว่าจะเป็นบัญชีเพื่อลงทุนสินทรัพย์ต่างๆ ที่ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้นสามัญ, ETF, DR ฯลฯ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ลงทุนควรให้สำคัญ คือ
1. กระจายการลงทุน
เพราะหากเลือกลงทุนหุ้นหรือ DR ที่อ้างอิงแค่บางบริษัท ก็มีความเสี่ยงที่เงินลงทุนจะผันผวนตามผลประกอบการและข่าวที่มากระทบ
2. ทางเลือกลงทุนต่างประเทศ
DR และ ETF เป็นทางเลือกลงทุนหุ้นของบริษัทต่างประเทศ หรือดัชนีหุ้นต่างประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกสร้างผลตอบแทนอีกทั้งกำไรที่เกิดยังยกเว้นภาษี ต่างจากการนำเงินไปลงทุนโดยตรงที่ต่างประเทศ ที่เมื่อนำเงินลงทุนกลับไทยก็มีภาระต้องเสียภาษี
สิ่งที่ต้องรอความชัดเจน
รายละเอียด TISA และการปรับโครงสร้างภาษีหลายอย่าง ยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอความเห็นชอบหรือออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากกระแสข่าว ณ 8 ธ.ค. 68 พบว่ายังมีหลายสิ่งที่ควรรอความชัดเจน เช่น
- การใช้สิทธิได้ 1.3 เท่า และ 0.7 เท่า สำหรับคนที่มีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และเกิน 1.5 ล้านบาทนั้น ครอบคลุมเฉพาะการใช้สิทธิ TISA เท่านั้น หรือรวมถึงกองทุน ThaiESG กองทุน RMF และประกันบำนาญด้วย
- เงินปันผลที่ได้รับจากการลงทุนหุ้นผ่าน TISA ที่ได้รับการยกเว้นภาษี 200,000 บาทแรก เมื่อถือบัญชี TISA มาแล้ว 5 ปีขึ้นไปนั้น เงินปันผลส่วนนี้สามารถใช้สิทธิเครดิตภาษีเงินปันผลได้หรือไม่ เพราะโดยปกติเงินปันผลจากหุ้นจะมีภาษีเงินได้นิติบุคคลแฝงอยู่ประมาณ 25% ของเงินปันผลที่ได้รับก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย
สิ่งที่อัปเดต ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างทางภาษีหรือทางเลือกลดหย่อนภาษี ล้วนเป็นการส่งเสริมการออมและลงทุนให้กับคนที่เงินเดือนไม่เกิน 125,000 บาท เพราะจะได้รับเงินคืนภาษีสูงขึ้นกว่าเดิม ส่วนคนที่รายได้เกิน 125,000 บาทแม้ใช้เงินลงทุนมากขึ้นเพื่อให้ได้เงินคืนภาษีเท่าเดิมแต่ด้วยฐานภาษีที่สูงก็ยังจำเป็นต้องใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีอยู่
















