×

Wealth Me Up ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ

TISA เปลี่ยนเกณฑ์ภาษี ที่คนไทยทุกคนต้องรู้

542

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Youtube | Facebook | TikTokInstagramLine 

 

ปรับโครงสร้างภาษีใหม่และตัวช่วยลดหย่อนภาษี ที่ทุกคนเห็นแล้วต้องร้อง ส่วนใครจะร้องแบบไหน อ่านเพิ่มเติมได้เลย

 

8 ธ.ค. 68 ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่เป็นกระแสบนโลกโซเชียลของคนวัยทำงานที่เสียภาษี คงหนีไม่พ้นทางเลือกลดหย่อนภาษีใหม่ TISA ที่คาดว่าจะเริ่มใช้สิทธิได้ ม.ค. 69 ที่มาพร้อมกับเงื่อนไขการลดหย่อนสุดแปลก ที่คนรายได้สูงกลับเหมือนใช้สิทธิได้น้อยลง

 

TISA ใช้สิทธิได้เท่าไร

 

จำนวนเงินการใช้สิทธิ TISA (Thailand Individual Savings Account: โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล) แต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ขึ้นกับรายได้ทั้งปี โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม

 

1. คนรายได้ ไม่เกินปีละ 1.5 ล้านบาท

  • เทียบเท่าคนเงินเดือนไม่เกิน 125,000 บาท (กรณีไม่มีโบนัสหรือรายได้อื่น)
  • เงินลงทุน TISA ใช้สิทธิได้ 1.3 เท่า แต่ไม่เกิน 800,000 บาท ทำให้สามารถขอคืนหรือประหยัดภาษีได้ประมาณ 1.3 เท่าของฐานภาษีปัจจุบัน เช่น
    • คนเงินเดือน 30,000 บาท ฐานภาษี 5% ได้เงินคืนภาษีประมาณ 6.5%
    • คนเงินเดือน 100,000 บาท ฐานภาษี 25% ได้เงินคืนภาษีประมาณ 32.5% หรือได้เงินคืนมากกว่า คนฐานภาษี 30% (เช่น เงินเดือน 200,000 บาท)

 

2. คนรายได้ เกินปีละ 1.5 ล้านบาท

  • เงินที่ลงทุน TISA ใช้สิทธิได้ 0.7 เท่า แต่ไม่เกิน 800,000 บาท ทำให้สามารถขอคืนหรือประหยัดภาษีได้ประมาณ 0.7 เท่าของฐานภาษีปัจจุบัน เช่น
    • คนเงินเดือน 200,000 บาท ฐานภาษี 30% ได้เงินคืนภาษีประมาณ 21%
    • คนเงินเดือน 500,000 บาทขึ้นไป ฐานภาษี 35% ได้เงินคืนภาษีประมาณ 24.5% หรือได้เงินคืนน้อยกว่า คนฐานภาษี 25% (เช่น เงินเดือน 100,000 บาท)

 

TISA ถือเป็นทางเลือกลดหย่อนภาษี ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวยหรือรายได้สูงเท่านั้น เพราะต่อให้รายได้น้อย เงินคืนภาษีที่ได้ก็สูงกว่าการใช้สิทธิในทางเลือกอื่นๆ ถึง 30%

 

เงื่อนไขการลงทุน TISA

 

  • ถือลงทุนถึงอายุ 55 ปีขึ้นไป และต้องไม่น้อยกว่า 5 ปี คล้ายกับเงื่อนไขการลงทุน RMF แต่ไม่ยังมีความชัดเจนว่า ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีเหมือน RMF หรือไม่
  • ลดหย่อนได้สูงสุด 800,000 บาท และเมื่อรวมกับการใช้สิทธิลดหย่อนอื่น เช่น ประกันบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบช. กองทุน RMF กองทุน ThaiESG ฯลฯ แล้วต้องไม่เกิน 800,000 บาทด้วย โดย
    • คนที่รายได้ ไม่เกินปีละ 1.5 ล้านบาท ลงทุนได้จริงสูงสุด 615,385 บาท
    • คนที่รายได้ เกินปีละ 1.5 ล้านบาท ลงทุนได้จริงสูงสุด 1,142,857 บาท

 

ลักษณะการลงทุนของ TISA

 

แม้ยังไม่มีประกาศทางการเกี่ยวกับลักษณะของ TISA แต่จากข้อมูลต่างๆ ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ คาดว่าจะเป็นบัญชีเพื่อลงทุนสินทรัพย์ต่างๆ ที่ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้นสามัญ, ETF, DR ฯลฯ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ลงทุนควรให้สำคัญ คือ

 

1. กระจายการลงทุน

เพราะหากเลือกลงทุนหุ้นหรือ DR ที่อ้างอิงแค่บางบริษัท ก็มีความเสี่ยงที่เงินลงทุนจะผันผวนตามผลประกอบการและข่าวที่มากระทบ

 

2. ทางเลือกลงทุนต่างประเทศ

DR และ ETF เป็นทางเลือกลงทุนหุ้นของบริษัทต่างประเทศ หรือดัชนีหุ้นต่างประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกสร้างผลตอบแทนอีกทั้งกำไรที่เกิดยังยกเว้นภาษี ต่างจากการนำเงินไปลงทุนโดยตรงที่ต่างประเทศ ที่เมื่อนำเงินลงทุนกลับไทยก็มีภาระต้องเสียภาษี

 

สิ่งที่ต้องรอความชัดเจน

 

รายละเอียด TISA และการปรับโครงสร้างภาษีหลายอย่าง ยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอความเห็นชอบหรือออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากกระแสข่าว ณ 8 ธ.ค. 68 พบว่ายังมีหลายสิ่งที่ควรรอความชัดเจน เช่น

 

  • การใช้สิทธิได้ 1.3 เท่า และ 0.7 เท่า สำหรับคนที่มีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และเกิน 1.5 ล้านบาทนั้น ครอบคลุมเฉพาะการใช้สิทธิ TISA เท่านั้น หรือรวมถึงกองทุน ThaiESG กองทุน RMF และประกันบำนาญด้วย

 

  • เงินปันผลที่ได้รับจากการลงทุนหุ้นผ่าน TISA ที่ได้รับการยกเว้นภาษี 200,000 บาทแรก เมื่อถือบัญชี TISA มาแล้ว 5 ปีขึ้นไปนั้น เงินปันผลส่วนนี้สามารถใช้สิทธิเครดิตภาษีเงินปันผลได้หรือไม่ เพราะโดยปกติเงินปันผลจากหุ้นจะมีภาษีเงินได้นิติบุคคลแฝงอยู่ประมาณ 25% ของเงินปันผลที่ได้รับก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย

 

สิ่งที่อัปเดต ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างทางภาษีหรือทางเลือกลดหย่อนภาษี ล้วนเป็นการส่งเสริมการออมและลงทุนให้กับคนที่เงินเดือนไม่เกิน 125,000 บาท เพราะจะได้รับเงินคืนภาษีสูงขึ้นกว่าเดิม ส่วนคนที่รายได้เกิน 125,000 บาทแม้ใช้เงินลงทุนมากขึ้นเพื่อให้ได้เงินคืนภาษีเท่าเดิมแต่ด้วยฐานภาษีที่สูงก็ยังจำเป็นต้องใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีอยู่

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats