×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

ปีใหม่นี้ ตั้งเป้าการเงินยังไงให้ ‘ทำได้จริง’ 

108

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Youtube | Facebook | TikTokInstagramLine 

 

ชวนทุกคนมาตั้งเป้าหมายทางการเงิน เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี กับเคล็บลับการออม ที่ช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้จริง

 

เป้าหมายทางการเงินอาจมีได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการหรือความฝันที่แต่ละคนอยากทำให้สำเร็จ ซึ่งมักจะเป็นการออมหรือการลงทุนเพื่อเป้าหมายบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ เกษียณสุข หรือท่องเที่ยว แต่การตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ดีนั้น จะต้องเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ สามารถทำให้สำเร็จได้ สมเหตุสมผล และมีกำหนดกรอบเวลาแน่นอน รวมถึงควรมีการจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายทางการเงินต่างๆ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้จริง 

 

นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้น (น้อยกว่า 1 ปี) ตัวอย่างเช่น ต้องการเก็บเงินออมเผื่อฉุกเฉินเป็นเงิน 30,000 บาทภายใน 1 ปี เป้าหมายระยะกลาง (มากกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี) อาทิ ต้องการเก็บเงินเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์ซื้อบ้าน จำนวน 500,000 บาทภายใน 3 ปี หรือเป้าหมายระยะยาว (มากกว่า 3 ปี) เช่น ต้องการมีเงินเก็บเมื่อเกษียณอายุ จำนวน 10 ล้านบาท

 

ตัวอย่างตัวช่วยในการเก็บเงินก้อนที่อยากแนะนำให้แก่มือใหม่หัดออมเงิน คือ บัญชีเงินฝากปลอดภาษี ซึ่งกำหนดให้เราต้องฝากเงินในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน (อาจมีการกำหนดขั้นต่ำ เช่น 500-1,000 บาท) ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 24 เดือน หรือ 36 เดือน และบางธนาคารอาจมีบริการโอนเงินอัตโนมัติจากบัญชีที่เราแจ้งไว้เพื่อไปเก็บออมในบัญชีเงินฝากปลอดภาษี เป็นการสร้างความสะดวกและสร้างวินัยการออมที่ดีด้วย รวมถึงบัญชีเงินฝาก e-Savings ที่สามารถตัดออมแบบอัตโนมัติได้เช่นกัน ซึ่งให้ดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.5% ต่อปี สูงกว่าการฝากออมทรัพย์ทั่วไป

 

เคล็ดลับอีกอย่างในการออมเงินให้สำเร็จได้ตามที่ตั้งใจไว้ก็คือ หากเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อยและออมจนเป็นนิสัยอย่างสม่ำเสมอ เราจะสามารถไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้อย่างสบายๆ ด้วยจำนวนเงินออมต่อเดือนที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับการเริ่มต้นออมเมื่ออายุมากขึ้น 

 

ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการมีเงินก้อนตอนอายุ 60 ปี ประมาณ 1.5 ล้านบาท แล้วเริ่มออมตั้งแต่เริ่มทำงานตอนอายุ 25 ปี โดยเก็บเงินทุกเดือน (สมมติว่าได้รับผลตอบแทน 3% ต่อปี) เราจะเก็บเงินประมาณเดือนละ 2,000 บาท แต่หากเราเพิ่งมาเริ่มต้นออมเงินตอนอายุ 45 ปี เราจะต้องออมเงินถึงเดือนละประมาณ 6,500 บาท ถึงจะได้เงินเก็บในจำนวนใกล้เคียงกันเมื่อเกษียณอายุ ซึ่งเราสามารถคำนวณและวางแผนเพื่อออมเงินอย่างคร่าวๆ ได้ที่โปรแกรมคำนวณเงินออมของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ได้ที่เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/th/satang-story.html

 

สำหรับบางคนที่เลือกไปถึงเป้าหมายด้วยการแบ่งเงินออมส่วนหนึ่งไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน หรือกองทุนรวม เพื่อสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในเงินฝากเพียงอย่างเดียว สัดส่วนที่เหมาะสมของเงินที่ควรแบ่งไปลงทุนนั้นจะขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ของแต่ละบุคคลด้วย 

 

โดยวิธีการลงทุนสำหรับมือใหม่ที่นิยมกันคือการลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging (DCA) ด้วยการทยอยลงทุนเป็นประจำในจำนวนที่เท่าๆ กันทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าราคาสินทรัพย์ลงทุนในขณะนั้นจะเป็นเท่าไหร่ เพื่อสร้างวินัยการออม เฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน และลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาในแต่ละช่วงเวลาได้

 

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats