“ประกัน” ควรมีของมนุษย์เงินเดือน
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
มนุษย์เงินเดือนเป็นกลุ่มอาชีพที่เคยเชื่อกันว่ามีความมั่นคงทางการเงินมากที่สุด สังเกตง่ายๆ การพิจารณาให้สินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ หรือการขอวีซ่าไปต่างประเทศ มนุษย์เงินเดือนมักจะได้รับการพิจารณาอนุมัติได้ง่าย เพราะรายได้มีความมั่นคงสูง
ขณะเดียวกันมนุษย์เงินเดือนมักได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาลจากองค์กรที่ตนเองทำงานอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีกองทุนประกันสังคมที่ให้ความคุ้มครองทั้งกรณีเสียชีวิตและการรักษาพยาบาลให้อีกทางหนึ่งด้วย ทำให้มนุษย์เงินเดือนจึงมักไม่ค่อยซื้อประกันชีวิตกัน โดยเฉพาะประกันสุขภาพ
แต่หากพิจารณาลึกๆ แล้ว มนุษย์เงินเดือนกลับเป็นกลุ่มคนที่ควรทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพมากที่สุดกลุ่มหนึ่งเลยทีเดียว เหตุผลเพราะ
- มนุษย์เงินเดือนเปรียบเสมือนเครื่องจักรผลิตเงินด้วยตัวเอง และเกือบ 100% ของเงินได้ก็จะมาจากเงินเดือน ดังนั้นหากเครื่องจักรเครื่องนี้มีปัญหา รายได้จะหยุดทันที แต่ค่าใช้จ่ายยังวิ่งอยู่เป็นปกติ ดังนั้นมนุษย์เงินเดือนจึงควรอย่างยิ่งที่จะพิจารณาซื้อประกันชีวิตไว้สำหรับตนเอง โดยรูปแบบของประกันชีวิตที่ควรซื้อสามารถเลือกได้ตามความต้องการและความเหมาะสมของตนเอง
- หากต้องการความคุ้มครองควบคู่กับการออมเงิน ควรซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
- หากต้องการความคุ้มครองสูงๆ ควรซื้อประกันชีวิตแบบคุ้มครองตลอดชีพ
- หากต้องการเงินได้ประจำหลังเกษียณ ควรซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญ
- แม้จะมีสวัสดิการ แต่ก็ควรซื้อประกันสุขภาพเพิ่ม เนื่องจากความคุ้มครองจากประกันกลุ่มที่บริษัทให้มักไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นคนไข้นอกหรือคนไข้ใน ทำให้มนุษย์เงินเดือนมักต้องจ่ายส่วนเพิ่มด้วยตนเอง ประกันสุขภาพที่น่าสนใจก็มี
-
- ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย เพราะประกันสุขภาพทั่วไปมักกำหนดวงเงินค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่ายาไว้เป็นหมวดหมู่ และถ้าส่วนไหนเกิน ผู้ทำประกันต้องเป็นคนจ่ายเงินเอง แต่ประกันแบบเหมาจ่ายจะไม่มีการแยกย่อย นับเป็นวงเงินค่าห้องและค่าบริการพยาบาล และวงเงินคุ้มครองสุขภาพแบบเหมาจ่ายเป็นก้อนตามจำนวนเงินที่เราเลือก รวมถึงวงเงินคุ้มครองชีวิตชีวิต ทำให้เราสามารถเลือกวงเงินของผลประโยชน์และความคุ้มครองตามที่ต้องการได้เอง
-
- ประกันสุขภาพแบบช่วยชำระค่ารักษาพยาบาลที่เกินกว่าสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากรัฐ สวัสดิการอื่นและ/หรือกรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพอื่นไม่ว่าจะทำไว้กับบริษัทใด ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ คล้ายประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย แต่บริษัทประกันจะจ่ายเฉพาะค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินกว่าสวัสดิการที่มีอยู่
- ประกันอุบัติเหตุก็เป็นอีกประกันที่ควรซื้อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า และมักสร้างความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สิน เบี้ยประกันอุบัติเหตุมักจะถูก แต่ให้ความคุ้มครองสูง
- ประกันภัยทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ ฯลฯ ที่เราใช้เงินออมหรือกู้หนี้ยืมสิน เพื่อซื้อหามาเป็นเจ้าของ หากทรัพย์สินของเราเสียหาย เช่น ไฟไหม้บ้าน รถยนต์สูญหายหรือเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ เราอาจต้องสูญเสียเงินเพื่อซื้อทรัพย์สินชิ้นใหม่ หรือซ่อมแซมทรัพย์สินนั้นให้อยู่ในสภาพเดิม แต่หากทำประกันภัยทรัพย์สินไว้ บริษัทประกันก็จะเป็นผู้รับความเสี่ยงนี้แทนเรา
- ประกันภัยหนี้สิน ด้วยรายได้ที่มีจำกัด ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่างๆ แพงขึ้นเร็วกว่า การจะใช้เงินสดก้อนใหญ่ซื้อทรัพย์สินมีค่าราคาแพงลิบ เช่น บ้าน รถ ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราจึงเห็นมนุษย์เงินเดือนหลายๆคนก่อหนี้ การทำประกันหนี้สินโดยคุ้มครองชีวิตของผู้กู้เงินไว้ หากเสียชีวิต บริษัทประกันจะชำระมูลหนี้ที่เหลืออยู่ให้กับเจ้าหนี้ จึงช่วยแบ่งเบาภาระหนี้ของผู้ที่กู้เงิน และยังรักษาทรัพย์สินนั้นให้เป็นของคนในครอบครัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดกับเราก็ตาม
ถึงตอนนี้คงได้ไอเดียคร่าวๆ แล้ว ก็ลองเลือกดูว่า ประกันอะไร แบบไหน ที่เราควรมี เพื่อลดภาระทางการเงินจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดกับชีวิต