‘Michael Bloomberg’ ผลิต ‘โชค’ ด้วยตัวเอง
มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากไม่กล้าจะก้าวออกจาก ‘Comfort Zone’ เพราะคุ้นชินกับความสะดวกสบาย แต่บางคนถูกผลักให้หลุดจากโซนสบายเอาดื้อๆและต้องเสี่ยงเริ่มต้นธุรกิจอีกครั้งเมื่ออายุเกือบ 40 ปี และเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าถ้าตั้งใจจริง อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
กว่าจะประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ ด้วยการเป็นเจ้าของบริษัทสื่อชั้นนำของโลก ได้รับเสียงชื่นชมและเคารพในฐานะนักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์ และเคยเป็นนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กหลายสมัย ‘Michael Bloomberg’ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่แพ้ใคร
เมื่อ 36 ปีที่แล้ว ในวัย 39 ปี ‘Bloomberg’ ถูกไล่ออกจากสถาบันการเงินที่เขาทำงานมาตั้งแต่เรียนจบ MBA เพราะมีการปรับโครงสร้างองค์กร และเขาได้เงินชดเชยมา 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยตอนนี้ประมาณ 350 ล้านบาท หลังจากต้องโบกมือลางานที่รักเพราะเหตุจำเป็น ‘Bloomberg’ ก็พร้อม ‘เสี่ยง’ ด้วยการทำธุรกิจของตัวเองจากไอเดียที่เกือบทุกคนคิดว่าต้องล้มเหลวแน่ๆ ธุรกิจที่ว่าก็คือบริษัท ‘Bloomberg’ ที่ให้บริการข้อมูลทางการเงินบนเดสก์ท็อปของคนที่ต้องการข้อมูลแบบนี้ ซึ่งตอนนั้นคนทั่วไปไม่ได้มีเดสก์ท็อปเสียด้วยซ้ำ
‘Bloomberg’ บอกว่า คนเราต้อง ‘กล้าเสี่ยง’ ชีวิตคนเราสั้นเกินไปที่เอาแต่ใช้เวลาหลบเลี่ยงความล้มเหลว ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องพร้อมจะล้มเหลวด้วยเหมือนกัน
เขายังเชื่อด้วยว่า ‘โชคดี’ เป็นสิ่งที่สร้างกันเองได้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องทุ่มเทเต็มที่อย่าลดละ เหมือนกับเขาตอนเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ทุกวันเขาเข้าเมืองไปซื้อกาแฟและไปออฟฟิศ ‘Merrill Lynch’ วานิชธนกิจแถวหน้าของสหรัฐอเมริกา ที่เขามาดมั่นว่าต้องจีบมาเป็นลูกค้าให้ได้ ‘Bloomberg’ เข้าไปแนะนำตัวกับคนที่นั่น เอากาแฟให้ดื่มและหาทางพูดคุยเพื่อแนะนำสินค้าของบริษัท เขาทำแบบนั้นอยู่วันแล้ววันเล่าเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับ (ว่าที่) ลูกค้าและในที่สุดความพยายามก็เกิดผล โดยหลังตั้งบริษัท 3 ปี ‘Merrill Lynch’ ก็กลายมาเป็นลูกค้ารายแรกของ ‘Bloomberg’
บิ๊กวงการสื่อคนนี้แนะนำว่า หากต้องเลือกงาน อย่าเลือกเพราะเงินเดือนดี แต่ให้ดูว่าเราจะเติบโตได้แค่ไหนในองค์กรนั้นๆ อย่างเช่นตัวเขาหลังคว้า MBA จาก Harvard ได้ตัดสินใจเลือกทำงานกับสถาบันการเงิน Salomon Brothers ที่ให้เงินเดือนเขาน้อยกว่ามาตรฐานทั่วไปที่ชาว Harvard จะได้รับถึง 40% แต่ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการตัดสินคนจากผลงาน ใครๆ ก็ประสบความสำเร็จได้หากมีความสามารถจริงๆ ซึ่งทำให้ ‘Bloomberg’ เติบโตในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว เพราะได้เรียนรู้ ฝึกฝนทักษะต่างๆ จากการทุ่มเททำงานอย่างหนักวันละ 12 ชั่วโมง
ความสำเร็จในทุกวันนี้ยังมาจากการไม่หยุด ‘เรียนรู้’ ของตัวเขาเอง ‘Bloomberg’ บอกว่าสำหรับเขาแล้ว คำภาษาอังกฤษที่มีพลังมากที่สุดคือ ‘Why’ หรือ ‘ทำไม’ เพราะทำให้คนเราเปิดใจ อยากรู้อยากเห็น และได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ถ้าอยากเพิ่มศักยภาพของตัวเอง มีความฝันอยากมีส่วนทำให้โลกดีขึ้น ก็อย่าหยุดเรียนรู้อย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้อย่าลืมว่านอกจากต้องรับผิดชอบต่อความสำเร็จและล้มเหลวของตัวเองแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคม รู้จักแบ่งปันให้กับคนอื่นด้วย ทุกๆ วัน ให้ถามตัวเองว่า ‘ได้ช่วยทำให้ชีวิตคนอื่นเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือยัง’
ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาเศรษฐีก็ ‘ให้’ แก่คนอื่นได้ เพราะการให้ไม่ได้หมายถึง ‘เงิน’ อย่างเดียว แต่คนเราสามารถสละเวลาและใช้ทักษะความสามารถที่มีอยู่ช่วยเหลือผู้คนในสังคมได้เหมือนกัน
กด Subscribe รอเลย…