นี่คือ 10 เคล็ดลับความรวยของ Bill Gates ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับการดำเนินชีวิต ที่เป้าหมายอาจมากกว่าแค่พิชิตการเป็น “เศรษฐี”
อย่าลืมว่าถ้า “การลงทุน มีความเสี่ยง” การลงทุนใน “กองทุนรวม” ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ก่อนลงทุน “กองทุนรวม” สักกอง จึงต้องเลือกให้ดี
คนจำนวนไม่น้อยมักนำกองทุนรวมหุ้น เทียบกับ เงินฝาก เพราะตนเองถอนเงินฝากมาซื้อกองทุนรวมหุ้น…ในช่วงที่มีกำไรก็ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้นเมื่อขาดทุน ก็พร่ำบ่นว่า “กองทุนรวมหุ้น สู้เงินฝากไม่ได้
นับตั้งแต่เศรษฐกิจไทยขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป คนไทยเป็นป่วยเป็น “โรคทรัพย์จาง” หรือ “Moneyphilia” และมีท่าทีว่าโรคดังกล่าวกำลังระบาดไปทั่วประเทศ
มีคำกล่าวที่ว่า “ที่ใดภาษีแพง ที่นั่นย่อมมีการวางแผนภาษี” ก็เพราะในแต่ละปีที่เราต้องทำงานหนัก แต่ถ้าวันดีคืนดี มีคนที่เราไม่รู้จัก มาขอเงินที่เราต้องใช้หยาดเหงื่อแรงกายแลกมาดื้อๆ เราจะให้มั๊ย? คำตอบก็คือ…ไม่ให้!
เมื่อเราวางแผนการใช้เงิน ก็จะทำให้ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงไปได้ ทำให้เรามีเงินเก็บสำหรับเป้าหมายในอนาคต มีเงินสำรองฉุกเฉิน หรือแม้แต่ลำดับความสำคัญของการออมเงินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คนรวย ก็คือ คนที่มีสินทรัพย์ลงทุนอย่างน้อย 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 105 ล้านบาท มีแนวคิดการใช้เงินที่คล้ายๆ กันหลายข้อ โดย U.S. Trust ได้สำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนเกือบ 700 คน ก่อนสรุปพฤติกรรมหลักๆ ที่คล้ายกัน 5 ข้อดังนี้
ผลสำรวจของ U.S. Trust Insights on Wealth and Worth ในสหรัฐฯ พบว่า ผู้ที่มีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 104 ล้านบาทขึ้นไป 77% สร้างเนื้อสร้างตัวมาจากคนชั้นกลาง หรือฐานะแย่กว่านั้น และ 19% เติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจน
“ลี กา ชิง” ชาวจีนแต้จิ๋วที่มาอาศัยอยู่ในฮ่องกง ก่อนที่จะเริ่มธุรกิจแรก นั่นคือ การขายดอกไม้ประดิษฐ์ในวัย 25 ปี และทำธุรกิจอื่นๆ ตามมา ทั้งท่าเรือ โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ประกันชีวิต และโทรศัพท์มือถือ กระทั่งฟอร์บสจัดให้เป็นเศรษฐีเบอร์ 1 ของเอเชีย
หลายคนสนใจกับความสุขในวันนี้ กินอิ่ม ปาร์ตี้สนุก เที่ยวถี่ ใช้ให้เต็มที่ ทั้งที่รู้ว่ายังไม่มีเงินเก็บสำหรับอนาคต ไม่มีเงินสดสำหรับยามฉุกเฉิน ไม่เคยวางแผนการเงิน นี่คือ 8 พฤติกรรมที่เราอาจทำโดยไม่รู้ตัว และทำให้ไม่รวยสักที ดังที่ Lianne Martha Maiquez Laroya บอกไว้…
SigFig บริษัทด้านการลงทุนใน San Francisco ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า…นักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก 1% สามารถทำผลงานได้ดีกว่าคนทั่วไปถึง 40% ซึ่งมีเคล็ดลับที่น่าสนใจอยู่ 3 ข้อด้วยกันคือ