ชี้เป้า 12 หุ้น กำไรต่อหุ้นแจ่ม
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ถ้าคิดจะซื้อหุ้นเข้าพอร์ตและได้รับปันผลสม่ำเสมอ จะพิจารณาจากอะไรได้บ้าง?
แนะนำว่า…ลองดู “กำไรต่อหุ้น” ของบริษัทที่สนใจว่าเป็นอย่างไร
“กำไรต่อหุ้น” หรือเรียกสั้นๆ ว่า EPS จะอยู่บรรทัดสุดท้ายของงบกำไรขาดทุน (เบ็ดเสร็จ) เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานเพื่อให้รู้ว่าแต่ละงวด ผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่ ขณะเดียวกันกำไรต่อหุ้นจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น ที่สำคัญเป็นตัวประกอบสำคัญต่อการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของผู้บริหาร
สูตรกำไรต่อหุ้น = กำไรสุทธิ
จำนวนหุ้น
ผลลัพธ์ที่ได้หน่วยจะเป็น “บาท” หมายความว่า บริษัทสามารถสร้างกำไรต่อหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นได้กี่บาท และกำไรต่อหุ้นนี้จะเป็น “เงิน” เข้ากระเป๋าบริษัทนั้นจริงๆ เพราะได้ผ่านการหักค่าใช้จ่ายทุกสิ่งทุกอย่างออกหมดแล้ว
ดังนั้นบริษัทไหนมีกำไรต่อหุ้นทุกปี แสดงว่ามีเงินเข้าบริษัททุกปีเช่นกัน และยิ่งทำได้ดีต่อเนื่องติดต่อกันหลายปี ยิ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำธุรกิจ พูดง่ายๆ คือ มีแต่กำไร ไม่มีขาดทุน
ลองมาใส่เงื่อนไขกันดู โดยให้รายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2557 – 2561) และกำไรต่อหุ้น “เป็นบวก” ตลอด 5 ปีเช่นเดียวกัน
กำไรต่อหุ้น บ่งบอกว่าผู้บริหารบริษัทมีฝีมือในการบริหารธุรกิจและสร้างผลกำไรเป็นอย่างไร เช่น บริหารยอดขาย บริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพแค่ไหน ขณะเดียวกันเมื่อบริหารงานได้แล้ว ผลกำไรที่ทำได้ก็ต้อง “จ่าย” ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอด้วย
หมายความว่านอกจากมีฝีมือในการทำงานแล้ว ก็ต้อง “ไม่ทิ้งผู้ถือหุ้น”
เช่น นักลงทุนซื้อหุ้น XYZ ในปี 2561 จำนวน 1 หุ้น ด้วยเงิน 1 บาท ในปีนั้นบริษัทนำเงินของนักลงทุนไปดำเนินธุรกิจ แล้วสร้างกำไรต่อหุ้นได้ 28 สตางค์ หมายความว่า ลงทุน 1 บาท ได้ผลตอบแทน 28 สตางค์ โดยผลตอบแทนนี้เป็นการมองในแง่ผู้ถือหุ้น (เป็นเจ้าของกิจการ) โดยยังไม่มองถึงการจ่ายเงินปันผล
โดยปกติแล้ว บริษัทไหนมีกำไรต่อหุ้น ผู้บริหารบริษัทนั้นก็มักจะไม่ทิ้งผู้ถือหุ้น หมายความว่า จะจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน โดยกำไรต่อหุ้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการสร้างกำไรได้มากน้อยแค่ไหน หรืออีกนัยหนึ่งกำไรต่อหุ้นเติบโตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะคืนทุนให้กับผู้ถือหุ้นได้เร็วเท่านั้น