เงินฝาก e-Savings ทางเลือกยุคดอกเบี้ยต่ำ
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
เมื่อพูดถึงเงินฝาก หลายคนมักนึกถึงดอกเบี้ยที่แสนต่ำ ที่เอาไว้เผื่อใช้จ่ายประจำวัน หรือเป็นแค่ตัวช่วยเก็บออมสำหรับคนที่ยังมีเงินไม่เยอะเท่านั้น
แต่ถ้าลองนำเงินฝากออมทรัพย์ e-Savings (แบบไม่มีสมุด) มาเปรียบเทียบกับกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ (Term Fund 3 / 6 / 12 เดือน) หรือเงินฝากประจำ จะพบว่า e-savings มีจุดเด่นกว่าในหลายเรื่องด้วยกัน
ผลตอบแทนสูงกว่า
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ดอกเบี้ยของ e-Savings หลายๆ ธนาคารสูงกว่า Term Fund และเงินฝากประจำของสถาบันเงินเดียวกัน เช่น Term Fund 12 เดือน ที่ขายผ่าน SCB ปัจจุบัน ให้ผลตอบอยู่ที่ 1.2% ต่อปี ในขณะที่ e-Savings ของ SCB เอง กลับให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.5%ต่อปี
ต่อให้ดอกเบี้ยเงินฝาก e-Savings ที่ว่าถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% แล้ว ก็ยังเหลือ 1.275% ต่อปี ซึ่งก็ยังสูงกว่า Term Fund อยู่ดี แล้วยิ่งไปเทียบกับเงินฝากประจำด้วยแล้ว ย่อมสูงกว่าแน่นอน ซึ่งภาษีที่ว่าจะถูกหักก็ต่อเมื่อเราได้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ทั้งปีเกิน 20,000 บาท หรือคิดง่ายๆ คือ จะเริ่มถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายก็ต่อเมื่อมีเงินฝากออมทรัพย์เกิน 1.33 ล้านบาทไปแล้ว
ความเสี่ยงต่ำกว่า
Term Fund เป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทหนึ่ง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าเงินฝาก เพราะต่อให้ตราสารหนี้ที่กองทุนนำเงินไปลงทุนนั้นจะถูกจัดลำดับความน่าเชื่อถือที่ดีเพียงใดก็มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้หรือสูญเสียเงินต้นได้ เนื่องจากไม่ได้รับความคุ้มครองจากสถาบันเงินฝาก อีกทั้งตัวอย่าง Term Fund ข้างต้นยังเป็นกองทุนที่เสนอขายให้เฉพาะผู้มีเงินลงทุนสูงเท่านั้น เพราะมีความเสี่ยงมากกว่า Term Fund ทั่วไป จากการที่นำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่ถูกจัดลำดับความน่าเชื่อถือที่ค่อนข้างต่ำ (non-investment grade) หรือไม่ถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond)
สภาพคล่องดีกว่า
e-Savings คือเงินฝากออมทรัพย์รูปแบบหนึ่ง ที่โอน ถอน ผ่านมือถือได้ทันที ทุกที่ทุกเวลา หรือถ้าใครไม่ถนัดใช้ e-Savings ก็โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ปกติของตนเองเพื่อไปทำธุรกรรมก็ได้ ไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอนด้วย เพราะทำผ่าน Mobile Banking
ส่วน Term Fund ถ้าลงทุนไปแล้วจะไม่สามารถนำเงินออกได้จนกว่าจะครบอายุกองทุน หรือต่อให้เป็นกองทุนเปิดตราสารหนี้อื่น ก็ต้องรอทำรายการขายคืนก่อน 15.30 น. ในวันทำการ จากนั้นรออีก 1-2 วันทำการ ถึงจะได้เงินมาใช้
เครื่องมือทางการเงินมีอยู่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การหมั่นเช็กและติดตามข่าวสาร จะช่วยให้เงินในกระเป๋าโตได้เร็วกว่าการใช้เครื่องมือแบบเดิมๆ ที่คุ้นชินมานาน