ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งแรง 3-5% ในการซื้อขายวานนี้ (5 พ.ค.)DJIA ปิดที่ 32,997.91 -1,063.09 จุด (3.12%)S&P500 ปิดที่ 4,146.87 -153.30 จุด (3.56%)Nasdaq ปิดที่ 12,317.69 -647.16 จุด (4.99%)เพียง 1 วันหลังหุ้นพุ่งอย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี S&P500 ก็ดิ่งลงหนักสุด ด้วยหุ้นกว่า 95% ซื้อขายในแดนลบ (Alphabet, Apple, Microsoft, Meta, Tesla ร่วงแรง 4.3-8.3%) ส่วน Bitcoin ร่วงลง 10% มากสุดในรอบ 2 เดือนแตะ $36,500 ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 3.04% มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 เช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐบวกราว 3% ในการซื้อขายวานนี้ (5 พ.ค.)DJIA ปิดที่ 34,061.06 +932.27 จุด (2.81%)S&P500 ปิดที่ 4,300.17 +124.69 จุด (2.99%)Nasdaq ปิดที่ 12,964.86 +401.10 จุด (3.19%)หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ปี 2000 ครั้งเกิดฟองสบู่ดอทคอม และพร้อมขึ้นดอกเบี้ยในระดับนี้ต่อเนื่องในการประชุมครั้งถัดๆ ไป เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบ 40 ปี
Elon Musk บรรลุข้อตกลงกับคณะกรรมการ Twitter ในการเข้าซื้อกิจการมูลค่า $4.4 หมื่นล้าน ถือเป็นหนึ่งในมูลค่าการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุด โดยมูลค่าการซื้อกิจการ Twitter ที่ราคา $54.20 ต่อหุ้น เป็นราคาที่มากกว่าวันที่ 1 เม.ย. 2022 (ก่อนหน้าที่ Elon Musk ประกาศเจตนารมณ์ที่จะเข้าซื้อ Twitter) ถึง 38% (ก่อนหน้านี้ Elon Musk เคยระบุว่าไม่ต้องการซื้อหุ้นที่ $54.20 ต่อหุ้น แต่มากลับลำว่าจะไม่ใช้เงินสดซื้อราคาดังกล่าวแทน)
ความกังวลเรื่องนโยบายการเงินแบบเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กดดันบรรยากาศการลงทุนต่อเนื่องล่าสุดตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนัก 2.5% เป็นการปรับลงต่อเนื่องสัปดาห์ที่ 4 (DJIA ปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่มี.ค. 2020, S&P500 ร่วงแรงสุดนับจากเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา)
หุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ (22 เม.ย.) ร่วง 1-2% เช่นเดียวกับหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง 1-2% ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง (ตลอดเดือนเม.ย. แข็งค่าไปแล้ว 2.3% มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2021) หลัง Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมใช้มาตรการเด็ดขาดที่สุดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
Tesla เซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2022 ด้วยรายได้กว่า $18.76 พันล้าน (vs $17.80 พันล้าน) ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $3.22 (vs $2.26) ส่งผลให้ราคาหุ้น Tesla พุ่งสูงขึ้นราว 6%