×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

“ติดปีก สู่ความมั่งคั่ง” ท่ามกลางภาวะตลาดผันผวน

3,430

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

 

LH Bank จัดงานสัมมนา Wealth Infinite “ติดปีก สู่ความมั่งคั่ง” Smart solution to wealth  โดยเชิญกูรู นักวางแผนการเงิน มาร่วมแชร์มุมมองและให้คำแนะนำแก่นักลงทุน เพื่อติดปีกสร้างความมั่งคั่ง ในช่วงที่ภาวะการลงทุนเผชิญกับความผันผวน

 

ซื้อหุ้นดี ในช่วงโมงเลวร้าย

 

 

เริ่มกันที่คุณนฤมล บุญสนอง กรรมการ สมาคมนักวางแผนการเงินไทย บอกว่า เรื่องของการลงทุน ในวิกฤตมักมีโอกาสอยู่เสมอ พร้อมแนะทีเด็ดการลงทุน “ซื้อหุ้นดีในชั่วโมงเลวร้าย”  แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยงแต่นักลงทุนต้องมีสติ และหาหุ้นดี นั่นก็คือ “หุ้นคู่ชาติ” หรือหุ้นที่อยู่ยั้งยืนยง แม้เราจะจากโลกนี้ไปแต่หุ้นตัวนี้ก็ยังอยู่

 

ส่วนลักษณะของหุ้นคู่ชาติ คุณนฤมลให้นิยามไว้ว่า เป็นหุ้นใหญ่ เป็นหุ้นที่ให้เงินปันผลดีประมาณ 4 % ต่อปี และจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องทุกปีเป็นเวลา 5 ปี และหุ้นตัวนั้นต้องเป็นที่รู้จัก สำหรับหุ้นคู่ชาติที่น่าสนใจ คือหุ้นในกลุ่มธนาคาร แนะนำ KBANK และ BBL  รวมทั้งหุ้นกลุ่มพลังงาน แนะนำ PTT ,PTTEP และ PTTGC

 

สิ่งสำคัญคือ Asset Allocation

 

 

ด้านคุณมนรัฐ ผดุงสิทธิ์  กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด มองว่า ในภาวะที่ตลาดมีความผันผวน Asset allocation เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะไม่มีสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งตอบโจทย์ได้ดีที่สุด นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการจัดสรรสัดส่วนเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

 

ส่วนการจัดพอร์ตลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวและมีแนวโน้มจะชะลอตัวมากขึ้นในปีหน้า คุณมนรัฐ แนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักกองทุนหุ้นลง เพิ่มสัดส่วนของทองคำ และคงสัดส่วนการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT ไว้เท่าเดิม เพราะได้รับอานิสงส์ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ ส่วนการจะปรับลดสัดส่วนกองทุนรวมอสังหาฯและกอง REIT ลงได้ก็ต่อเมื่อเห็นสัญญาณอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

 

“การลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทให้ผลตอบแทนที่ไม่เหมือนกัน ถ้ามีการสะสม และบาลานซ์พอร์ตการลงทุนให้ดี มีการลงทุนในระยะยาว ก็น่าจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีเป้าหมายการลงทุนเพื่อวัยเกษียณ”

 

ลงทุนแบบปีเป้าหมาย ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์

 

 

ขณะที่คุณถนอม เกตุเอม บล็อกเกอร์ด้านการเงินการลงทุนและภาษี เจ้าของเพจ TAXBugnoms ให้มุมมองเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุน LTF หลังลดหย่อนภาษีได้เป็นปีสุดท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดนักลงทุนต้องถามตัวเองว่า คาดหวังอะไรจากการลงทุน LTF เพราะสิ่งที่ได้นอกเหนือจากการลดหย่อนภาษี ก็คือผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนนั่นเอง

 

“ดังนั้นสิ่งที่ต้องคิดต่อก็คือ ตลอดปีที่ผ่านมาคนที่ซื้อกองทุน LTF ขาดทุนขนาดไหน ถ้าไม่เคยขาดทุน นั่นหมายความว่าในอีก 7 ปีปฏิทิน หรือ 6 ปีข้างหน้าคิดว่ามันจะดีมั้ย เพราะถ้าดีช่วงนี้ก็เป็นจังหวะที่น่าเข้าไปลงทุนเพิ่ม ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่าปีนี้เป็นปีสุดท้ายในการได้ลดหย่อนภาษี”

 

นอกจากนี้การซื้อ LTF ยังทำให้มีเงินเก็บ บางคนซื้อเก็บไปเรื่อย ๆ ก็เป็นพอร์ตหนึ่งที่สามารถใช้วางแผนทั้งชีวิตได้เลย ยิ่งคนที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2549 และยังไม่เคยขายเลย ตอนนี้ก็สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน

 

ฉะนั้นเรื่องของกองทุน LTF แม้จะลดหย่อนภาษีได้เป็นปีสุดท้าย ส่วนตัวคุณถนอมก็มองว่าไม่กระทบอะไร เพียงแต่เราจะบริหารจัดการเงินก้อนเดิมที่อยู่ใน LTF อย่างไร ซึ่งต้องถามตัวเองว่าพอใจในผลตอบแทนหรือไม่ ถ้าไม่พอใจก็ให้สับกอง ถ้าพอใจก็ให้อยู่เฉยๆ เมื่อครบกำหนดถ้าอยากขายก็ขาย ถ้าไม่อยากขายก็สามารถถือต่อไปได้เพราะไม่ได้มีการปิดกองทุนแต่อย่างใด

 

สร้างความมั่งคั่งแล้วต้อง “ปกป้องความมั่งคั่ง”

 

 

นอกจากนี้ คุณบ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ ยังมาร่วมแบ่งปันมุมมอง และประสบการณ์ส่วนตัวในเรื่อง “Smart Life ชีวิตต้องวางแผน” ด้วยการบอกเล่าถึงชีวิตคุณพ่อลูก 4 (น้องณัชชา น้องพุฒ น้องพร้อม น้องเภา) ที่ต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายในด้านการเลี้ยงดู และการศึกษาบุตรจำนวนมาก โดยเฉพาะค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติประมาณคนละ 1 ล้านบาทต่อปี (เฉพาะค่าเทอมลูกๆ 4 คนก็ร่วม 4 ล้านบาทต่อปี) ทำให้ต้องวางแผนการเงินเพื่อให้ลูกๆ ทุกคนได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด โดยให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน 3 ด้านคือ

 

  1. ด้านสุขภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าในอนาคตลูกหลานของตนจะไม่ต้องมาแบกรับค่าใช้จ่ายในการดูแลคุณพ่อ คุณแม่ (คุณบ๊อบ และภรรยา) จึงทำประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองตนและภรรยาจนถึงอายุ 80 ปี เนื่องจากตนมีประสบการณ์ตรงจากคุณพ่อ ที่ป่วยเป็นมะเร็งและหมดเงินกว่า 10 ล้านบาทในการรักษา ซึ่งนั่นเป็นเงินที่คุณพ่อ ตั้งใจเก็บสะสมมาตลอดชีวิต
  2. ด้านการศึกษาบุตร ด้วยความเชื่อที่ว่าความรู้คือทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุด ที่ลูกๆ ทุกคนสามารถนำไปต่อยอดความมั่งคั่งได้ในอนาคต จึงวางแผนการศึกษาบุตรผ่านประกันชีวิต เพื่อให้มั่นใจว่าลูกๆ ทุกคนจะได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
  3. ด้านมรดก เนื่องจากการให้มรดกกับลูกหลานในรูปแบบเดิม (ให้เป็นสินทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจ) อาจไม่ตรงใจกับลูกๆ แต่ละคน พร้อมทั้งอาจสร้างความขัดแย้งในครอบครัว จึงเลือกวางแผนมรดกผ่านรูปแบบของประกัน เพื่อลูกๆ แต่ละคนจะได้รับมรดกเป็นเงินสด เพื่อนำไปต่อยอดตามความถนัด และความชอบของแต่ละบุคคล

 

ท่องเที่ยว สวดมนต์ เพื่อเสริมความมั่งคั่ง

 

 

ปิดท้ายที่อาจารย์คฑา ชินบัญชร ที่มาแนะนำเคล็ดลับเสริมความมั่งคั่งให้กับผู้ร่วมเสวนา ด้วยหลักการง่ายๆ คือ การไป “ท่องเที่ยว” เพื่อรับพลังจากธรรมชาติ และ “สวดมนต์” เพื่อฝึกสมาธิ พร้อมทั้งควรจัดบ้าน และที่ทำงานตามหลัก 5 ส.คือ “สว่าง สะอาด สะดวก สบาย และเสียง”

 

 

วิทยากร: นฤมล บุญสนอง | มนรัฐ ผดุงสิทธิ์ | ถนอม เกตุเอม | ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ | อาจารย์คฑา ชินบัญชร
พิธีกร: เฟิร์น ศิรัถยา อิศรภักดี

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats