×

Wealth Me Up ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ

ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ 26 พ.ค. 6O

1,891

 

คาดการณ์ปี 2050 ไทยจะถูกเวียดนาม และฟิลิปปินส์แซงหน้า

ผลการศึกษาของไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส คาดการณ์ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกในปี 2050 หรืออีก 34 ปี ข้างหน้า (2016-2050) พบว่า หากเศรษฐกิจประเทศไทยโตเฉลี่ยปีละ 3% ไทยจะตกลงจากอันดับที่ 20 เป็นอันดับที่ 25 จะถูกเวียดนามที่โตเฉลี่ยต่อปี 5.1% ซึ่งจะอยู่ในอันดับ 20 และฟิลิปปินส์ โตเฉลี่ยต่อปี 4.3% จะอยู่ในอันดับ 19 แซงหน้า

สาเหตุที่ทำให้ GDP ไทยต่ำมาตลอดในช่วงเกือบ 10ปี เนื่องจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่สามารถก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง หากไม่มีเทคโนโลยี ดังนั้นภาครัฐ เอกชนและประชาชนจะต้องร่วมมือ โดยรัฐให้นโยบาย เอกชนสร้างความเชื่อมั่นลงทุน และประชาชนสนับสนุน เข้าใจและมีเหตุผล

ขณะที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก จีนยังคงรั้งอันดับ 1 ของโลก รองลงมา คือ อินเดีย แซงหน้าสหรัฐฯ ที่ตกลงมาอยู่ที่ 3 อินโดนีเซียขึ้นมาเป็นที่ 4 แทนญี่ปุ่น

 

รัฐฯ ผลักดัน ECC หวังดึงไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง

การผลักดันเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค ตะวันออก (อีอีซี) ของภาครัฐไม่ใช่เป็นของใหม่แต่เป็นภาคสมบูรณ์ของอีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งจะเป็นทางออกที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศ

ผลักดัน 4 กลุ่ม 15 โครงการและ 5 โครงการหลัก โดยระยะแรก 5 ปี จะเห็น 5 โครงการเกิดขึ้นก่อน ได้แก่ สนามบินอู่ตะเภา เมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 3, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV/AV), เมืองใหม่ ฉะเชิงเทรา พัทยา และระยอง

หาก EEC ประสบความสำเร็จจะเห็นเม็ดเงินลงทุนปีละ 3 แสนล้านบาท และไทยมี GDP เพิ่มขึ้นเป็น 4.5-5%

 

“เฟด” รอเศรษฐกิจฟื้นจึงขึ้นดอกเบี้ย

ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐเห็นพ้องกันว่าควรจะระงับการขึ้นดอกเบี้ยไปจนกว่าจะมีความชัดเจนว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ด้านนักลงทุนยังคงมองว่าน่าจะมีโอกาสสูงที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า

ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเงินเมื่อวันที่ 2-3 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายเงินของธนาคารกลางสหรัฐ มีความเชื่อโดยทั่วไปว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากที่ชะลอตัวลงรุนแรงในช่วงไตรมาสหนึ่ง

ทั้งนี้ เฟด ได้ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและหลักทรัพย์ที่มีการจำนองค้ำมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อสะสมตามส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เกิดภาวะถดถอยในปี 2550-2552 แต่ทุกสามเดือนเฟดจะต้องยอมให้ลดหลักทรัพย์มากขึ้น ซึ่งผู้กำหนดนโยบายเกือบทุกคนแสดงความพอใจต่อข้อเสนอนี้

 

หุ้นขนส่งทะยาน อานิสงส์ส่งออกโต AMA เพิ่มรายได้ ซื้อกิจการ

คณะกรรมการนโยบายการเงิน( กนง.) ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนขึ้นจากการส่งออกที่ฟื้นตัวต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นบ้างตามรายได้เกษตรกรและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีทิศทางดีขึ้น

สำหรับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ตามที่ประเมินไว้ และการใช้จ่ายของภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ

ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น บริษัท ไวส์โลจิสติกส์(WICE) ปิด 4.14 บาท บวก 0.08 บาท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ปิด 9.05 บาท บวก 0.05 บาท อาม่า มารีน(AMA) ปิด 22.60 บาท บวก 0.70 บาท

 

เปิดโผ 12 ทำเลทองกลางเมืองกรุง

บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผย ทำเลที่ดินที่มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา และทำเลที่ราคาที่ดินเพิ่มมากที่สุดในรอบ 6 ปี (2555-2560) ของกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วง 5 ปีต่อเนื่องกัน โดยมองว่าเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตในช่วง 10 ปีข้างหน้า 3 อับแรก ดังนี้

อันดับที่ 1 ทำเล I3-2 ถนนสุขุมวิท 21 ราคาปัจจุบันตารางวาละ 1,400,000 บาท ในรอบ 1 ปี เพิ่มราคาถึง 27.3% และหากมองในรอบ 6 ปีก่อนหน้า นับแต่ปี 2555 ราคาเพิ่มขึ้นปีละ 15.2% ขณะที่อันดับที่ 2 ทำเล K6-1 ถนนรัชดาภิเษก-เดอะมอลล์ อันดับที่ 3 ทำเล K2-3 ถนนพระราม 2 กม.13.5 แสมดำ

 

#WealthMeUp

ที่มา: โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการ, ไทยรัฐ

 

Related Stories

amazon anti fatigue mats