เคล็ดลับอายุน้อย รวยพันล้าน
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
หลายคนมักจะถามตัวเองว่า อายุเท่านี้ ควรมีเงินเท่าไหร่?
แต่สำหรับเธอคนนี้ อายุเพียง 20 ต้นๆ ก็รวยระดับพันล้านแล้ว
“Kylie Jenner” วัย 21 ปี เศรษฐีนีอายุน้อยสุดในโลกที่รวยด้วยลำแข้งตัวเอง โค่นแชมป์เก่า “Mark Zuckerberg” เจ้าของ Facebook ที่เคยทำสถิตินี้ตอนอายุ 23 ปี โดยนิตยสาร Forbes ยกตำแหน่งเศรษฐีพันล้านอายุน้อยสุดที่รวยด้วยตัวเองให้ “Kylie Jenner” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากประเมินความมั่งคั่งของเธอที่แตะ 1 พันล้านดอลลาร์ ส่วนบริษัท Kylie Cosmetics ที่เธอเป็นเจ้าของมีมูลค่า 900 ล้านดอลลาร์
หลายๆ คนวิจารณ์ว่า “Kylie Jenner” ได้ตำแหน่งนี้เพราะมีต้นทุนดีอยู่แล้ว จากการอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย และมีชื่อเสียงจากรายการเรียลลิตี้ทางโทรทัศน์ร่วมกับพี่น้องในตระกูลเจนเนอร์และคาร์เดเชียน
แม้ผู้คนยังคลางแคลงใจในฐานะ “มหาเศรษฐีที่รวยด้วยตัวเอง” (youngest self-made billionaire) แต่เธอซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องของตระกูลประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจมากกว่างานในวงการบันเทิง โดยแหล่งรายได้หลักของเธอมาจาก Kylie Cosmetics บริษัทเครื่องสำอางที่เธอก่อตั้งขึ้นเมื่อตอนอายุ 17 ปี
“Kylie Jenner” ใช้เงินลงทุน 250,000 ดอลลาร์ ซึ่งมาจากการเดินแบบและงานในวงการบันเทิงที่เธอทำช่วงวัยรุ่น เธอยังร่วมมือกับเชนร้านแฟชั่น Topshop และพี่สาว Kendall Jenner ผุดเสื้อผ้าคอลเล็กชัน Kylie and Kendall รวมทั้งจับมือกับห้าง Neiman Marcus และแบรนด์เสื้อผ้า Pacsun ทำให้เธอมีเงินสดในมือเพียงพอที่จะเปิดตัวธุรกิจโดยไม่ต้องง้อเงินทุนจากภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้
สินค้าล็อตแรกของเธอ คือ เซ็ตลิปสติกที่วางขายทางออนไลน์ชุดละ 29 ดอลลาร์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ขายหมดเกลี้ยง 15,000 ชุด ภายในไม่กี่นาที จากนั้นเธอก็ขยับขยายสินค้าให้หลากหลายขึ้น
ในช่วง 18 เดือนแรกที่ทำธุรกิจ บริษัทของเธอมียอดขาย 420 ล้านดอลลาร์ และตัวเธอเองมีรายได้หลังหักภาษีราว 60 ล้านดอลลาร์
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “Kylie Jenner” ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว คือ สื่อสังคมออนไลน์ โดยก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล็อตแรก เธอมีจำนวนผู้ติดตามบน Instagram และ Twitter ราวๆ 56 ล้านคน กระทั่งเวลาผ่านไป 4 ปี เธอมีจำนวนผู้ติดตามเพิ่มเป็น 155 ล้านคน
บวกกับการที่บริษัท Kylie Cosmetics เซ็นสัญญาหุ้นส่วนธุรกิจกับ Ulta Beauty เพื่อนำสินค้าต่างๆ ไปวางขายในเชนขายเครื่องสำอางของ Ulta Beauty ทั้งหมด 1,163 สาขาทั่วสหรัฐ ทำให้มีช่องทางทำการตลาดมากขึ้น และมีกำไรเพิ่มขึ้น
อาณาจักรธุรกิจของ “Kylie Jenner” มีต้นทุนน้อยมาก เพราะมีพนักงานประจำที่ทำงานเต็มเวลาเพียง 7 คน และมีพนักงานพาร์ทไทม์อีก 5 คน ส่วนงานด้านการผลิตและบรรจุภัณฑ์จ้างเอาต์ซอร์สบริษัทภายนอกชื่อ Seed Beauty ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
“Kylie Jenner” รวยแบบน่าอิจฉา และเธอก็นิยมซื้อสินค้าราคาแพงระยับ โดยเฉพาะรถหรูที่มีหลายรุ่น ทั้ง Mercedes-Benz, Lamborghini, Ferrari และ Bentley แถมยังใจใหญ่ซื้อสินค้าชั้นดีให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆ ด้วย
“Kylie Jenner” อาจโชคดีที่มีต้นทุนพร้อมกว่าหลายๆ คน แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ เธอรู้ว่าจะใช้ต้นทุนเหล่านั้นต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างไร
