เหตุผลที่ต้อง “กระจายการลงทุน”
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
น้ำมัน
– วันนี้ (9 มี.ค.) ราคาน้ำมันดิบร่วง 30% แตะระดับต่ำสุดนับแต่ปี 1991
– เหตุเกินเพราะวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 มี.ค.) โอเปก เจรจากับประเทศนอกกลุ่ม ให้ลดกำลังการผลิตไม่สำเร็จ เพราะรัสเซียไม่ยอมลดกำลังการผลิต
– ซาอุดิอาระเบีย เลยลดราคาน้ำมันให้ลูกค้าประมาณ 10% ชนวนของ “สงครามราคา” (Price War)
หุ้น
– ณ 9.40 น. ตลาดหุ้นเอเชียร่วงหนักมาก Nikkei -6% หลุด 20,000 จุดแล้ว, ASX200 -6%, Kospi -4%, HIS -4%
– ตลาดหุ้นล่วงหน้า (DJIA Futures) ก็ร่วงไปอีก 1,300 จุด
– หุ้นไทยยังไม่เปิดตลาด (รีบสรุปให้ก่อน เดี๋ยวเปิดตลาดแล้วจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว…เพราะอย่าลืมว่าหุ้นพลังงาน มีน้ำหนักมากที่สุดในหุ้นไทย)
ตราสารหนี้
– ผลตอบพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีล่าสุดแตะระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ที่ 0.4795%
ทองคำ
– ราคาทองคำทะลุ $1,700 เรียบร้อย สูงสุดนับแต่ธ.ค. 2012 บ้านเราเปิดตลาดขึ้นมาแล้ว 350 บาท
เพราะความแน่นอน…ไม่มีอยู่จริง
หลักการลงทุนในทุกยุคสมัยจึงบอกให้ทุกคน “กระจายการลงทุน” หรือ “อย่าใส่ไข่ทุกใบไว้ในตระกร้าเดียวกัน”
คำถามคือกระจายการลงทุนยังไง?
คำตอบคือกระจายการลงทุนตาม…
1.เป้าหมาย
2.ความเสี่ยงที่รับได้
3.ความเข้าใจในการลงทุน
ข้อ 1 กับข้อ 2 (เป้าหมาย + ความเสี่ยงที่รับได้) ก็เป็นหลักการกลางๆ ที่ใครก็พอทำได้ เช่น…
• เป้าหมายระยะยาว (10 ปีขึ้นไป)
เสี่ยงได้มาก: ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ได้เยอะ (มากกว่า 50%)
เสี่ยงได้น้อย: ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ได้น้อย (น้อยกว่า 50%)
• เป้าหมายระยะกลาง (3-5 ปี)
เสี่ยงได้มาก: ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ได้ปานกลาง (มากกว่า 30-50%)
เสี่ยงได้น้อย: ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ได้น้อย (น้อยกว่า 30%)
• เป้าหมายระยะสั้น (1-3 ปี)
เสี่ยงได้มาก: ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ได้น้อย (น้อยกว่า 30%)
เสี่ยงได้น้อย: ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ไม่ได้เลย (0%)
ส่วนข้อ 3 (ความเข้าใจในการลงทุน) ย่อมเป็นเรื่องของบุคคล
• เข้าใจหุ้น…
ลงทุนหุ้นทั้งหมดของสินทรัพย์เสี่ยง ก็ได้ แต่ก็ต้องกระจาย (บริษัท, อุตสาหกรรม, ประเทศ)
•เข้าใจอสังหา…
ลงทุนอสังหาทั้งหมดของสินทรัพย์เสี่ยง ก็ได้ แต่ก็ต้องกระจาย (ทำเล, ประเภท, กลุ่มลูกค้า)
แต่ไม่ว่าจะรับความเสี่ยงได้ “มาก” แค่ไหน หรือเป้าหมายระยะ “ยาว” แค่ไหน
ก็ต้อง “กระจายการลงทุน” ทั้งภายนอก (เสี่ยง + ไม่เสี่ยง) และภายในสินทรัพย์ ก็เป็นสิ่งจำเป็น
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในช่วงเวลานี้คือการ Rebalance (ปรับสัดส่วนการลงทุน)
ถ้าสัดส่วนของพอร์ตเราคือ: หุ้น 40% ตราสารหนี้ 20% อสังหา 20% ทองคำ 10% น้ำมัน 10%
ถ้าวันนี้: หุ้นร่วง ตราสารหนี้ขึ้น อสังหาร่วง ทองคำขึ้น น้ำมันร่วง…จดสัดส่วนเพี้ยนเป็น 30:30:15:20:5
ก็ต้อง: ซื้อหุ้น ขายตราสารหนี้ ซื้ออสังหา ขายทองคำ ซื้อน้ำมัน…ให้กลับไปในสัดส่วนเดิม 40:20:20:10:10
พูดง่าย…ทำยาก แต่ทำได้!
ถึงบอกไงว่า จะรวยต้องอดทน = “อดทนรวย”