สูตรใช้เงิน ช่วงCOVID-19
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ในช่วงเกิดวิกฤติ เช่นเชื้อไวรัส COVID-19 ยังระบาด หลายคนมองว่าเป็นช่วงที่ต้องกันเงินทั้งหมดที่มีในแต่ละเดือนเอาไว้ใช้จ่าย แม้กระทั่งเงินที่เคยแบ่งไปเก็บออมหรือลงทุนก็ยังดึงมาเป็นค่าใช้จ่าย คำถามคือ ควรหยุดเก็บเงินในช่วงวิกฤติหรือเปล่า
สถานการณ์ปกติ
หากมีรายได้ เงินเดือน มีค่าใช้จ่ายตามปกติ หลายคนอาจแบ่งเงินออกเป็น 3 ก้อน เช่น 50 : 30 : 20
50% คือ เงินใช้จ่ายประจำเดือน
เช่น ค่าอยู่ ค่ากิน จ่ายหนี้ต่างๆ ทั้งผ่อนบ้าน ผ่อนรถบัตรเครดิต
30% คือ เงินเพื่อใช้สร้างความสุขให้ตัวเอง
เช่น ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือ รวมถึงให้พ่อแม่
20% คือ เงินเก็บออมและลงทุน
โดยแบ่งเป็นก้อนๆ ตามเป้าหมาย เช่น เก็บเพื่อฉุกเฉิน เก็บซื้อบ้าน ลงทุนเพื่อวัยเกษียณ
เช่น มีรายได้หลังหักภาษีเหลือเงิน 25,000 บาทต่อเดือน จะแบ่งเงินตามวัตถุประสงค์ คือ 12,500 บาท : 7,500 บาท : 5,000 บาท
สถานการณ์COVID-19
โดยในช่วงเชื้อไวรัส COVID-19 ระบาด รายได้ที่เข้ามาแต่ละเดือนอาจลดลง ย่อมกระทบกับสถานะทางการเงิน จึงต้องแบ่งเงินกันใหม่ เพื่อให้รอดจากช่วงวิกฤตินี้ไปได้ ด้วยสูตร 60 : 30 : 10
60% คือ เงินใช้จ่ายประจำเดือน
ถึงแม้ว่าช่วงนี้ภาครัฐและสถาบันการเงินจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อเยียวยาประชาชน เช่น หยุดให้จ่ายหนี้ทั้งต้นทั้งดอก จ่ายเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วง COVID-19 ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น เพราะต้องซื้ออุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัส รวมถึงซื้อของกินของใช้มาเก็บสำรองไว้ ขณะเดียวกันราคาเพิ่มสูงขึ้นอีกพอสมควร หรือหนี้บางอย่างก็ยังต้องชำระคืน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสบายใจ ควรกันเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น จาก 12,500 บาท เป็น 15,000 บาท
30% คือ เก็บเพื่อฉุกเฉิน
ในช่วงปกติ เงินส่วนนี้จะเป็นเงินเพื่อใช้สร้างความสุขให้ตัวเอง แต่ในภาวะวิกฤติ คงไม่สามารถไปท่องเที่ยวหรือทานอาหารนอกบ้านได้ จึงควรเปลี่ยนเป็นเงินเก็บเพื่อเตรียมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เช่น กรณีเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาโรงพยาบาล รวมถึงค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือ
10% คือ เงินเก็บออม
หลายคนมองว่าช่วงวิกฤติคงต้องหยุดเก็บเงินและลงทุน แต่ความจริงแล้วต้องมีต่อไป เพียงแต่ลดจำนวนลง เช่น จากเดิมเคยเก็บ 5,000 บาทต่อเดือน อาจเหลือ 2,500 บาทต่อเดือน หรือถ้ารู้สึกว่าเงินตึงเกินไปก็เหลือเดือนละ 1,000 บาทก็ได้ โดยเงินก้อนนี้ให้นำไปเก็บเพื่อเป้าหมายเพื่อวัยเกษียณเป็นอันดับแรก เช่น ซื้อกองทุน RMF ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ให้ชะลอออกไปก่อน
หากใช้สูตร 60 : 30 : 10 ในช่วง COVID-19 แปลว่า มีเงินไว้ใช้จ่ายถึง 60% ของรายได้ แถมยังมีเงินสำรองเพื่อเตรียมไว้ใช้อีก 30% พูดง่ายๆ เงินที่เตรียมไว้ใช้จ่ายมีสูงถึง 90%
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าถึงแม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติ ก็ควรกันเงินไปเก็บออมหรือลงทุนอยู่เสมอ