“อังกฤษ” ต้นแบบการศึกษาโลก
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
หลักสูตรมุ่งดึงศักยภาพของเด็ก
การเรียนของอังกฤษจะเน้นให้เด็กได้คิดและตั้งคำถาม และค้นหาตัวตนเพื่อพัฒนาต่อยอดความสนใจกลายเป็นอาชีพในอนาคต โดยช่วงมัธยมต้น เด็กจะต้องเรียนประมาณ 9-11 วิชา เพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองชอบวิชาไหนหรือไม่ชอบวิชาไหนบ้าง จากนั้นในระดับ A-Level ซึ่งใช้เวลาเรียน 2 ปี ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนจะเลือกเรียนแค่ 3-4 วิชาที่จำเป็นต่อการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เช่น สายธุรกิจ กฎหมาย แพทย์ เป็นต้น โดยช่วงนี้เด็กจะรู้แล้วว่าตัวเองถนัดและชอบอะไรมากที่สุด และได้โฟกัสในสิ่งเหล่านั้นอย่างจริงจัง เนื้อหาการเรียนช่วงนี้จะเข้มข้นมาก
ส่งเสริมการทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม
นอกจากการเรียนในห้องอย่างเข้มข้นก่อนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ระบบการศึกษาของอังกฤษยังส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ซึ่งมหาวิทยาลัยจะใช้เรื่องนี้ประกอบการพิจารณาคัดเลือกนักศึกษาใหม่ด้วย
ห้องเรียนเล็ก ครูดูแลนักเรียนทั่วถึง
ห้องเรียนในอังกฤษมีนักเรียนประมาณ 12-15 คน ทำให้ครูสามารถดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึง สามารถช่วยนักเรียนในการค้นหาความชอบของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น การเรียนในห้องจะกระตุ้นให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น
สถาบันการศึกษามีมาตรฐานได้รับการยอมรับทั่วโลก
ระบบการศึกษาของอังกฤษมีความเก่าแก่และมีชื่อเสียงมายาวนาน มีมหาวิทยาลัยชื่อดัง เช่น University of Oxford, University of Cambridge, Imperial College London ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับให้มีคุณภาพระดับ Top 10 ของโลก ของ The Times Higher Education World University Rankings 2020 การเรียนปริญญาตรีของอังกฤษใช้เวลา 3 ปี และปริญญาโทใช้เวลา 1 ปี ซึ่งถือว่าสั้นกว่าการเรียนในประเทศอื่น แต่ก็เป็นหลักสูตรที่เข้มข้นมาก และค่าใช้จ่ายในการเรียนของนักศึกษาต่างชาติถือว่าถูกกว่าการเรียนในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นบางประเทศ