×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

เปรียบเทียบ "หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม"

5,460

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

หากนึกถึงหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่โดดเด่นและเป็นขวัญใจนักลงทุน ต้องยกให้ AMATA, ROJNA และ WHA ซึ่งขนาดยังไม่เปิดประเทศ ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นไปรอแล้ว และนักลงทุนเข้ามาซื้อดักกันอย่างคึกคัก เช่น ราคา ROJNA ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่ระดับ 8.50 บาทเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 เช่นเดียวกับราคาหุ้นอีกสองตัวก็เริ่มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจะอยู่ในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นธุรกิจที่จะมีการเจริญเติบโตไปพร้อม ๆ กับเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากเป็นธุรกิจจัดสรรที่ดินเพื่อขายหรือให้เช่าสำหรับประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม โดยมีการให้บริการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เช่น ไฟฟ้า ประปา ระบบป้องกันน้ำท่วม การบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง เป็นต้น

 

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

 

  • ความพร้อมในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการ

 

  • กฎระเบียบหรือหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของภาครัฐที่สนับสนุนการลงทุนภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ รวมถึงการให้สิทธิพิเศษเพิ่มเติมแก่นักลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม

 

  • สภาวะเศรษฐกิจโลกและภาวะเศรษฐกิจหรือการเมืองในประเทศ

 

  • นโยบายของบริษัทข้ามชาติในการกระจายฐานการผลิตและการลงทุนมายังประเทศไทย

 

  • ศักยภาพทางด้านกายภาพและภูมิศาสตร์ของประเทศ

 

โดยรายได้หลักของผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมมาจาก 2 ส่วน คือ รายได้จากการขายและเช่าที่ดิน และรายได้จากการให้บริการต่าง ๆ เช่น ให้เช่าโรงงานหรือคลังสินค้า สาธารณูปโภค (เช่น ไฟฟ้า ประปา) โดยรายได้ส่วนนี้จัดเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring Income) ซึ่งจะช่วยลดทอนความเสี่ยงจากความผันผวนของรายได้จากการขายที่ดินได้บ้าง

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเกิดวิกฤติ COVID-19 ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มลดสัดส่วนรายได้จากการขายและเช่าที่ดิน เนื่องจากมีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ โดยได้เพิ่มสัดส่วนรายได้จากภาคบริการและสาธารณูปโภคอื่น ๆ เช่น การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า บริการบำบัดน้ำเสีย เนื่องจากเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องและค่อนข้างมีความแน่นอน ซึ่งจะช่วยลดทอนความเสี่ยงจากความผันผวนของรายได้จากการขายที่ดิน

 

นอกจากนี้ยังให้ความสนใจลงทุนในธุรกิจสาขาอื่นเพื่อหนุนการเติบโตของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งจะหนุนให้ผู้ประกอบการหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และยกระดับความสามารถการแข่งขัน เช่น ระบบหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ เป็นต้น

 

เนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะมีความผันผวนค่อนข้างสูง ดังนั้น จึงอาจเหมาะกับนักลงทุนสไตล์ตามกระแส (Momentum Investor) เน้นการลงทุนตามเทรนด์ขาขึ้นของตลาด เกาะกระแสตามทิศทางเงินทุนไหลเข้า ประกอบกับการใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจมาช่วยในการวิเคราะห์ ขณะเดียวกันหุ้นนั้นต้องอยู่ในความสนใจของตลาด หุ้นเก็งกำไร หรือหุ้นที่มีสัญญาณซื้อทางเทคนิค และต้องผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับหุ้นนั้นในเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ

 

 

หมายเหตุ

 

  • P/E Ratio ตลาดหลักทรัพย์ 31.19 เท่า, P/E Ratio กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 27.31 เท่า
  • P/BV Ratio ตลาดหลักทรัพย์ 1.79 เท่า, P/BV Ratio กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 1.38 เท่า
  • อัตราปันผลตอบแทน ตลาดหลักทรัพย์ 2.21%, อัตราปันผลตอบแทน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์2.66%
  • อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ 7.53%, อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 4.91%
  • อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ 3.45%, อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 3.79%
  • IAA Consensus คือ การสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ต่าง ๆ ที่ติดตามข้อมูลรายบริษัทอย่างใกล้ชิด โดยจะนำเสนอในรูปตารางสรุปตัวเลขสำคัญทางการเงินรายบริษัท เช่น กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้นอัตราเงินปันผล มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน คำแนะนำสำหรับการลงทุน เป็นต้น
  • เนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้น-กองทุนนี้
  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 

(ข้อมูล ณ 11 มิถุนายน 2564)

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats