1O หุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี ในตลาดหุ้นไทย
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อธิบายว่า โฮลดิ้ง คอมพานี (Holding Company) หมายถึง บริษัทที่มีการประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก และไม่มีการประกอบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญเป็นของตัวเอง
ซึ่งอาจเป็นการลงทุนในบริษัทในประเทศหรือบริษัทในต่างประเทศ โดยต้องไม่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจบริหารจัดการเงินลงทุน (Investment Company) และต้องถือหุ้นในบริษัทย่อยอย่างน้อย 1 บริษัท ซึ่งแสดงได้ว่าโฮลดิ้ง คอมพานี มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการในบริษัทหลักตามสัดส่วนการถือหุ้น
หากกรณีบริษัทย่อยเป็นบริษัททั่วไป โฮลดิ้ง คอมพานี ต้องถือหุ้นในบริษัทย่อยมากกว่า 50% ส่วนกรณีบริษัทย่อยเป็นบริษัทที่มีเงื่อนไขในการร่วมลงทุนกับภาครัฐหรือมีข้อจำกัดตามกฎหมายอื่น โฮลดิ้ง คอมพานี ต้องถือหุ้นในบริษัทย่อยนั้นมากกว่าหรือเท่ากับ 40%
จะว่าไปแล้วการจัดตั้ง โฮลดิ้ง คอมพานี ถือว่าเป็นวิธีที่นิยมกันมากวิธีหนึ่ง เนื่องจากธุรกิจต้องมีการเติบโตตลอดเวลา และมีแนวโน้มที่จะขยายการเติบโตไปในสายธุรกิจทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม ทั้งในประเทศและต่างประเทศในรูปแบบของบริษัทย่อยมากขึ้น รวมถึงมีการเพิ่มจำนวนของบริษัทในเครือที่มีโครงสร้างในลักษณะต่าง ๆ กัน มากขึ้น
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า เขียนอธิบายเอาไว้ใน FINNOMENA ว่าในยามที่ตลาดหุ้นไม่ค่อยดีและเป็นตลาดหุ้น Sideway หุ้นที่น่าสนใจกลุ่มหนึ่งก็คือหุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี หรือหุ้นที่ถือหุ้นของบริษัทอื่นเป็นหลักหรือถือหุ้นบริษัทอื่นคิดเป็นมูลค่าจำนวนมากเมื่อเทียบกับกิจการที่บริษัททำ ถ้าเป็น Pure Holding Company อย่างบริษัท เบิร์กไชร์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ บริษัทจะไม่ทำกิจการอะไรเองเลยแต่จะเป็นแค่ผู้ถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ
โดยหุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี มักจะมีราคาหรือ Market Cap. ถูกกว่ามูลค่าของหุ้นที่บริษัทถืออยู่รวมกัน หรือเรียกว่ามีส่วนลด (Discount) พอสมควร ดังนั้น ถ้านักลงทุนสนใจหุ้นของบริษัทลูก ก็ควรที่จะซื้อหุ้นบริษัทแม่แทน เพราะจะได้ส่วนลดดังกล่าว
ดร.นิเวศน์ แนะนำว่าการวิเคราะห์หรือประเมินมูลค่าหุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี วิธีแรก คือ การหามูลค่าหุ้นบริษัทลูกหรือบริษัทที่บริษัทโฮลดิ้ง คอมพานี ถืออยู่ ดูว่ารวมกันแล้วเท่ากับเท่าไร นอกจากนั้นถ้าบริษัทเองก็ทำธุรกิจเองด้วย ไม่ได้เป็น Pure Holding ก็ต้องดูเสมือนหนึ่งว่าธุรกิจนั้นก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่บริษัทแม่ถือหุ้น 100%
ตัวเลขมูลค่าหุ้นทั้งหมดรวมกันนี้ก็จะเป็นตัวบอกว่า Market Cap. ของหุ้นแม่นั้นควรจะเป็นเท่าไร ซึ่งตามทฤษฎีในวงการหุ้นเรียกว่า เป็นวิธีประเมินมูลค่าหุ้นแบบ Sum Of The Parts (SOTP) แต่เพื่อให้ปลอดภัยและเป็นการประเมินแบบอนุรักษ์นิยม นักวิเคราะห์ก็มักจะลดมูลค่าทรัพย์สินหรือหุ้นที่บริษัท โฮลดิ้ง คอมพานี ถืออยู่ประมาณ 20 – 25% เพราะคิดว่าถ้าบริษัทขายหุ้นต่าง ๆ ที่ถืออยู่เพื่อให้ได้เงินจริง ๆ บริษัทก็จะต้องจ่ายภาษีนิติบุคคลด้วย เป็นต้น
นอกจากการวิเคราะห์หุ้นอย่างถูกต้อง คือ ต้องดูทั้งมูลค่าแบบ SOTP และดูแบบใช้ Earning หรือกำไรโดยรวมของบริษัทแม่ด้วย ในการดูแบบ SOTP อาจจะต้องมีส่วนลด โดยเฉพาะถ้าหุ้นที่ถือนั้นไม่ใช่ตัวหลักและการที่จะได้มูลค่าจะต้องถูกขายออกไปจริงซึ่งบริษัทต้องเสียภาษีนิติบุคคล 20% แต่ในกรณีที่เป็นหุ้นหลักที่บริษัท โฮลดิ้ง คอมพานี เก็บเอาไว้ตลอดไปเพื่อรับผลกำไรและปันผล แบบนี้ก็อาจจะคิดส่วนลดน้อยเพียงแค่ 10% หรือไม่ลดเลยก็ได้
ในกรณีที่ใช้วิธีประเมินแบบปกติ สิ่งที่จะต้องทำ คือ การหาค่า P/E Ratio ที่เหมาะสมกับบริษัท โฮลดิ้ง คอมพานี ซึ่งอาจต้องใช้ค่า P/E Ratio เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นบริษัทลูกทุกบริษัทแล้วคูณด้วยกำไรรวมทั้งหมดของบริษัทแม่
วิธีนี้จะทำให้ได้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสมของหุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี เพราะสะท้อนการเติบและความแข็งแกร่งของหุ้นที่บริษัทแม่ถืออยู่อย่างแท้จริง และในกรณีนี้มักจะทำให้มูลค่าหุ้นที่คำนวณได้สูงกว่าราคาหุ้นในตลาดและใกล้เคียงกับการคำนวณแบบ SOTP เพราะหุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี มักจะถือบริษัทลูกหรือหุ้นอื่นที่โตเร็วกว่า จึงควรได้ค่า P/E Ratio ที่สูงกว่า
ประเด็นสุดท้ายที่สำคัญในการพิจารณาลงทุนในหุ้นโฮลดิ้ง คอมพานี ดร.นิเวศน์ บอกว่าเป็นเรื่องของ CG หรือบรรษัทภิบาลของผู้บริหารว่ามีความตั้งใจในการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นโดยรวมหรือไม่ หุ้น โฮลดิ้ง คอมพานี ที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริงนั้น บ่อยครั้งถ้าไม่ทำอะไรก็อาจจะถูกอยู่อย่างนั้น ถ้าผู้บริหารไม่ปลดปล่อยมูลค่าเหล่านั้นออกมา เช่น บริษัทมีกำไรดีแต่ผู้บริหารกลับไม่จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นเท่าที่ควร วิธีแก้ก็ไม่ยาก บางบริษัทบอกเลยว่าจะจ่ายปันผลทั้งหมดที่ได้รับจากริษัทลูก เป็นต้น ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงการมี CG ที่ดีได้
