×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

4 หุ้นที่ Warren Buffett “ซื้อสะสม”

4,731

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ไตรมาส 1 ปี 2565 เป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับนักลงทุน แต่กับทีมการลงทุนของ Berkshire Hathaway พวกเขาทำสิ่งที่บัฟเฟตต์ ได้สอนไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และโลภเมื่อคนอื่นกลัว” โดยในรายงานประจำไตรมาสดังกล่าว ได้ซื้อหุ้นเข้าสะสมในพอร์ต เช่น Citigroup, Ally Financial, Occidental Petroleum, HP, Markel, McKesson, Celanese, Paramount Global, Apple, Chevron และ General Motors เป็นต้น

 

พร้อมกันนี้ก็ได้มีการปรับสัดส่วนพอร์ตลงทุนด้วยการขายหุ้นออกทั้งหมด เช่น  AbbVie, Bristol-Myers Squibb และ Wells Fargo และลดสัดส่วนการถือหุ้นบางตัว เช่น Verizon  

 

เมื่อบัฟเฟตต์โชว์พอร์ตลงทุนในไตรมาส 1 ปี 2565 Morningstar ผู้ให้บริการข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนทั่วโลก หยิบหุ้นมาพิจารณา 4 บริษัท

 

Citigroup

 

ปัจจุบันมูลค่าหุ้น Citigroup ถือว่าเป็นหุ้นคุณค่า เพราะซื้อขาย P/E Ratio ประมาณ 5.86 เท่า, P/BV Ratio 0.54 เท่า, อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 25.6%, อัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 4.10% และเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด และได้รับประโยชน์เชิงบวกทางธุรกิจในช่วงอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ประกอบกับธุรกิจบัตรเครดิตเริ่มฟื้นตัว ทำให้เป็นตัวผลักดันการเติบโตของรายได้

 

DaVita

 

DaVita ดำเนินธุรกิจด้านการแพทย์ ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการฟอกไตรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดย Berkshire Hathaway ถือหุ้นสัดส่วน 38% นักกลยุทธ์การลงทุน Morningstar กล่าวว่า DaVita มีเครือข่ายบริการขนาดใหญ่ ชื่อเสียงด้านคุณภาพ และความสัมพันธ์ทางการแพทย์ที่กว้างขวาง ประเมินว่าจะมีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะยาว

 

HP

 

บัฟเฟตต์ มองว่าทีมผู้บริหาร HP มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เพราะตลอด 2 – 3 ปีที่เกิดวิกฤติ COVID-19 มูลค่าตลาดโดยรวมของธุรกิจคอมพิวเตอร์และธุรกิจเครื่องปริ้นเตอร์ปรับลดลง แต่ HP กลับสร้างยอดขายธุรกิจคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น 26% และยอดขายธุรกิจเครื่องปริ้นเตอร์เพิ่มขึ้น 9% และหากประเมินมูลค่าหุ้น HP อยู่ในระดับไม่แพง โดบ P/E Ratio 6.8 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.7%

Paramount

 

เมื่อต้นปี 2565 Paramount รีแบรนด์และปรับโครงสร้างใหม่ โดยในช่วงแรก ๆ นักวิเคราะห์มองว่าจะทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจปรับขึ้นรวมถึงต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลในธุรกิจสตรีมมิ่ง แต่เมื่อประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 พบว่ามีสมาชิกเพิ่มขึ้นจากบริการสตรีมมิ่ง Paramount+ และ Pluto รวมกัน 62 ล้านราย เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์

 

หากเห็นหุ้นที่บัฟเฟตต์เลือกสะสมเข้าพอร์ต เป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ต้องเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานดี ทำกำไรได้ดี ก็จะมีการจ่ายปันผลคืนกับผู้ถือหุ้นทุกปี เลือกลงทุนในอนาคตของบริษัท โดยการซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม เมื่อกิจการดำเนินไปได้ดี มูลค่าหุ้นก็จะสูงขึ้น ก็จะสามารถขายเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาที่เราซื้อมาและราคาขายได้

 

ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ต่างกับการลงทุนในธุรกิจหรือกิจการโดยทั่วไป แต่ต้องเข้าใจในตัวพื้นฐานของธุรกิจเพราะมีความสำคัญในการสร้างผลตอบแทน ถ้าบริษัทที่ลงทุนเติบโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามเช่นเดียวกัน

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats