3 เรื่องเข้าใจผิด ของคนคิดว่าไม่ต้องยื่นภาษี
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเงินหรือรายได้ที่ได้รับมา ไม่ต้องเสียภาษี หรือคิดว่าเมื่อถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษีอีก ซึ่งล้วนเป็นความเข้าใจผิด เพราะภาษีเงินได้แต่ละปีต้องคำนวณจากเงินที่เราได้ทั้งปี และคนที่มีรายได้ล้วนมีหน้าที่ต้องแจ้งหรือยื่นภาษีกับสรรพากรทั้งสิ้น โดย 3 สิ่ง ที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด ได้แก่
ความเข้าใจผิดที่ 1: เงินที่ได้ “ถูกหักภาษี” = “เสียภาษีถูกต้อง”
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นอัตราภาษีก้าวหน้า ที่เมื่อรายได้หรือเงินได้สุทธิสูงขึ้นอัตราที่ใช้คำนวณภาษีก็สูงขึ้น ดังนั้นแม้เงินที่ได้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายจริง เพราะต้องรอนำรายได้ทั้งปีมาคำนวณอีกครั้ง ซึ่งอาจสูงหรือต่ำกว่าภาษีที่ถูกหักไปได้
ดังนั้นการยื่นภาษีช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ของปีถัดจากปีที่มีรายได้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าถูกหักภาษีไปเท่าไร หรือไม่ถูกหักภาษีก็ตาม
- กรณีถูกหักภาษีไว้ น้อยเกินไป >> ต้องจ่ายภาษีเพิ่มภายในสิ้นเดือน มี.ค. หากไม่จ่ายก็ถือเป็นการหนีภาษี
- กรณีถูกหักภาษีไว้ มากเกินไป >> เลือกขอคืนภาษีส่วนที่ถูกหักไว้เกินได้ หากไม่ขอคืนก็เสมือนการจ่ายภาษีมากเกินจริง
ความเข้าใจผิดที่ 2: รายได้น้อย “ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี” = “ไม่ต้องยื่นภาษี”
สรรพากรมีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้มีหน้าที่ต้องยื่นภาษี ซึ่งขึ้นกับประเภทรายได้ที่มีและสถานภาพสมรส โดยแบ่งได้ 4 กรณี ดังนี้
- คนโสด ที่มีเฉพาะเงินได้ 40(1) อย่างเงินเดือน ค่าล่วงเวลา โบนัส ฯลฯ และมีรายได้ทั้งปีเกิน 120,000 บาท
- คนโสด ที่มีเงินได้อื่นนอกจาก 40(1) อย่างค่ารับจ้างอิสระ เช่น ไรเดอร์ส่งอาหาร ค่านายหน้า ค่าเช่าบ้าน ขายของออนไลน์ ฯลฯ โดยปัจจุบันบางรายได้หรือบางอาชีพ มีการรับรายได้ผ่านระบบหรือแพลตฟอร์ม และมีรายได้ทั้งปีเกิน 60,000 บาท
- คนที่มีคู่สมรส ที่ทั้งคู่มีเฉพาะเงินได้ 40(1) และมีรายได้ทั้งปีรวมกันทั้งสองคนเกิน 220,000 บาท
- คนที่มีคู่สมรส ที่คนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่มีเงินได้อื่นนอกจาก 40(1) และมีรายได้ทั้งปีรวมกันทั้งสองคนเกิน 120,000 บาท
ดังนั้น แม้รายได้ยังน้อยไม่เสียภาษี แต่หากถึงเกณฑ์ต้องยื่นภาษี ก็มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีตามกฎหมาย
ความเข้าใจผิดที่ 3: “ไม่ทำงาน” = “ไม่ต้องยื่นภาษี”
ภาษีเงินได้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกรณีมีรายได้จากการทำงานเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นตอนที่มีรายได้อื่นด้วย เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก/พันธบัตร/หุ้นกู้ เงินปันผลกองทุน/หุ้น ฯลฯ ซึ่งได้ถูกหักหรือจ่ายภาษีล่วงหน้าไปแล้ว เช่น 10%, 15%, 28% ฯลฯ ดังนั้นหากใครมีรายได้เฉพาะดอกเบี้ยและเงินปันผล ก็สามารถเลือกยื่นภาษี เพื่อขอคืนภาษีส่วนที่ถูกหักหรือจ่ายไปได้ เช่น
- ได้รับเงินปันผลกองทุน 10,000 บาท (หลังหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%) อาจขอภาษีคืนได้ 1,111 บาท
- ได้รับดอกเบี้ยเงินฝาก/พันธบัตร/หุ้นกู้ 10,000 บาท (หลังหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%) อาจขอภาษีคืนได้ 1,765 บาท
- ได้รับเงินปันผลหุ้น 10,000 บาท (หลังคิดภาษีนิติบุคคล 20% และหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%) อาจขอภาษีคืนได้ 3,889 บาท
หลายคนมักมองข้ามการยื่นภาษี เพราะคิดว่าไม่จำเป็นสำหรับตน ทั้งที่เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือหากยื่นก็อาจได้ประโยชน์จากการขอเงินคืนภาษีได้