×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

1O หุ้น มาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดในโลก

687

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Facebook | Line Youtube | Instagram

 

มาร์เก็ตแคป คือ มูลค่าหุ้นตามราคาตลาด คํานวณจากราคาปิดของหลักทรัพย์ คูณ จำนวนหุ้นจดทะเบียนปัจจุบัน เป็นค่าที่บอกมูลค่าตลาดหรือขนาดของบริษัท โดยปัจจุบันนักลงทุนจะแบ่งมาร์เก็ตแคปหุ้นออกเป็น 3 ระดับ คือ หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่, ขนาดกลาง และขนาดเล็ก แต่เนื่องจากการวัดขนาดหุ้นด้วยมาร์เก็ตแคปไม่ได้มีเงื่อนไขตายตัว ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคนว่าจะใช้คำจำกัดความมาร์เก็ตแคปเท่าใดมาเป็นตัวกำหนดขนาดหุ้น

 

ปัจจุบัน นักลงทุนหลายคนใช้มาร์เก็ตแคปเป็นปัจจัยหนึ่งเพื่อคัดกรองหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุน ถ้าสนใจหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดเล็ก ก็มองว่าหุ้นขนาดเล็กจะประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจ ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ถ้าสนใจหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดกลาง มองว่าเป็นธุรกิจที่กำลังขยายตัวอย่างน่าประทับใจ

 

ถ้าสนใจหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ มั่นใจว่าเป็นบริษัทผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ผ่านการเติบโตอย่างมั่นคงและครองส่วนแบ่งการตลาดจนอยู่ตัว ความสำเร็จทางธุรกิจที่ต่อเนื่องจะยังคงทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้นไปได้เรื่อย ๆ ที่สำคัญจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

 

จากความสนใจดังกล่าว ทำให้หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่เป็นที่หมายปองของนักลงทุน เพราะมองว่ามีข้อดีหลายประการ เช่น มีนักลงทุนจำนวนมากถือครองหุ้น จึงมีบทวิจัยหรือข้อมูลให้ได้ศึกษาตลอดเวลา มีสภาพคล่องสูง

 

นอกจากนี้ สามารถฝ่าวิกฤตการเงินใหญ่ ๆ ได้ และยังสร้างผลตอบแทนในระดับที่ดี จึงลดความเสี่ยงได้ โดย Morningstar Direct ทำสถิติเปรียบเทียบผลตอบแทนกับความผันผวนของผลตอบแทนต่อปี (Standard Deviation : SD) ย้อนหลังไป 20 ปี ( 31 กรกฎาคม 2566) พบว่า

  • หุ้นสหรัฐอเมริกามาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 10.50% ต่อปี มีความผันผวนของผลตอบแทนต่อปีประมาณ 15%
  • หุ้นสหรัฐอเมริกามาร์เก็ตแคปขนาดเล็ก ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี มีความผันผวนของผลตอบแทนต่อปีประมาณ 19.70%
  • หุ้นตลาดเกิดใหม่ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 9% ต่อปี มีความผันผวนของผลตอบแทนต่อปีประมาณ 20%
  • ทองคำ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 8.50% ต่อปี มีความผันผวนของผลตอบแทนต่อปีประมาณ 17%

 

โดย Standard Deviation เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในการลงทุน ความเสี่ยงที่จะทำให้ราคาสินทรัพย์ในอนาคตแตกต่างไปจากที่คาดหวังไว้ 

  • ถ้าค่า Standard Deviation มีค่าสูง หมายความว่า ความเสี่ยงสูง 
  • ถ้าค่าที่มีค่าต่ำ หมายความว่า มีความเสี่ยงต่ำ 

 

ดังนั้น จากข้อมูลสะท้อนว่าหุ้นสหรัฐอเมริกามาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ให้ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงต่ำ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ 

 

อย่างไรก็ตาม ก็มีคำถามตามมาว่า ถ้ามีเงินลงทุนไม่มาก แต่ต้องการลงทุนในหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่จะเลือกใช้วิธีไหน คำตอบที่เป็นทางออกที่น่าสนใจ คือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average : DCA) ซึ่งเป็นการทยอยลงทุนแบบสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินที่เท่า ๆ กัน โดยลงทุนเป็นรายงวด เช่น รายเดือน รายไตรมาส ซึ่งจะช่วยให้ได้ซื้อหุ้นทั้งในช่วงที่สภาวะการลงทุนดีและไม่ดี โดยไม่สนใจว่าราคาของหุ้นที่เลือกลงทุนตอนนั้นเป็นราคาเท่าไร จึงส่งผลให้ได้ราคาต้นทุนแบบถัวเฉลี่ย และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

 

อย่างไรก็ตาม การคัดกรองหุ้นด้วยมาร์เก็ตแคป เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่การค้นหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีผลประกอบการเติบโต มั่นคง และเป็นผู้นำในธุรกิจให้เจอ เพราะความแข็งแกร่งของบริษัทในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว รวมถึงการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ถือเป็นหัวใจหลักในการตัดสินใจลงทุน

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats