สูตรใช้เงิน 5O:3O:2O ชีวิตดี มีเงินเก็บ
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
สูตรการใช้เงิน 50:30:20 เป็นการแบ่งสัดส่วนรายได้ตามที่วางแผนเอาไว้เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งรายได้ที่นำมาคิดจะต้องเป็นรายได้สุทธิหลังหักภาษี เงินสมทบเข้าในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ถ้าเป็นข้าราชการก็เป็นเงินที่หลังหักเข้าสู่ กบข.) และหักเข้ากองทุนประกันสังคม จากนั้นจึงนำมาจัดแบ่งเป็น 3 ก้อน
ตัวอย่าง การแบ่งเงินตามสูตร 50:30:20 โดยสมมติว่ามีรายได้สุทธิ 30,000 บาท
50% คือ ค่าใช้จ่ายจำเป็น = 15,000 บาท
เงินก้อนนี้จะนำมาใช้จ่ายเพื่อความจำเป็น (Needs) ต่อการดำรงชีวิต เป็นค่าใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือน เช่น ค่ากิน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าดูแลสุขภาพ จ่ายหนี้บัตรเครดิต รวมถึงโอนเงินให้พ่อแม่ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจต้องแน่ใจว่าจ่ายเพื่อความจำเป็นจริงๆ
30% คือ ค่าใช้จ่ายเพื่อความสุข = 9,000 บาท
เป็นเงินใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัวหรือสิ่งที่ต้องการ (Wants) เช่น กินข้าวนอกบ้าน ชอปปิง ท่องเที่ยว สมาชิกบริการสตรีมมิ่ง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เงินก้อนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขแต่ควรตัดสินใจให้รอบคอบว่าควรจ่ายจริงๆ หรือไม่ เช่น เดือนที่ผ่านมาซื้อชุดกีฬา 1 ชุด รองเท้ากีฬา 1 คู่ ดังนั้น เดือนนี้ก็ไม่ควรซื้ออีก หรืออาจพบปะเพื่อนฝูงนัดกินข้าวนอกบ้านเดือนเว้นเดือนก็ได้ ซึ่งเงื่อนไขสำคัญของเงินก้อนนี้ คือ ใช้จ่ายในงบประมาณ และเดือนไหนเหลือก็นำไปเก็บออม
20% คือ เก็บออมและลงทุน = 6,000 บาท
เงินก้อนนี้ คือ เงินเก็บออมและลงทุน โดยให้แบ่งออกเป็นส่วนๆ ตามความเหมาะสมของตัวเอง ก้อนแรกให้นำไปเก็บออมเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน ก้อนถัดมาเก็บออมเพื่อเป้าหมายอื่นๆ เช่น ดาวน์บ้าน ซื้อรถ จ่ายค่าเทอมลูก จ่ายเบี้ยประกัน ก้อนสุดท้ายนำไปลงทุนเพื่อเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณ
สำหรับประโยชน์ที่ได้จากการใช้สูตรการใช้เงิน 50:30:20 จะช่วยให้มีความรับผิดชอบต่อการใช้จ่ายของตัวเอง เพราะจะรู้ว่าเงินที่จ่ายออกไปเพราะ “ความจำเป็น” หรือ “ความต้องการ” ซึ่งจะทำให้มีมุมมองการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงเห็นข้อผิดพลาดการใช้เงิน จากนั้นก็นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น
สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการแบ่งเงิน 50:30:20 ก็สามารถเริ่มต้นด้วยการจดบันทึกรายรับ รายจ่าย เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองให้ดีขึ้น จากนั้นก็วิเคราะห์เพื่อดูว่าการใช้จ่ายเป็นไปตามการแบ่ง 50:30:20 ได้ดีแค่ไหน ซึ่งอาจใช้เวลา 1–2 เดือนกับการติดตามค่าใช้จ่าย และเมื่อทุกอย่างลงตัวก็จะพบว่าในแต่ละเดือนมีรายรับเท่าไร เงินออมมากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญรู้ว่าเงินที่หามาได้หมดไปกับการใช้จ่ายอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม การแบ่งเงินด้วยสูตร 50:30:20 อาจไม่เหมาะสำหรับบางคน จึงควรเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับตัวเองเพื่อช่วยให้แผนการควบคุมค่าใช้จ่ายดียิ่งขึ้น พูดง่ายๆ ปรับสูตรได้ตามความเหมาะสมของรายได้ ค่าใช้จ่าย ภาระหนี้สิน อายุ หรือเป้าหมายการเงิน เช่น หากมีภาระหนี้สินค่อนข้างสูงก็ใช้สูตร 60:20:20 ส่วนคนที่มีเป้าหมายการเงินระยะยาวก็ใช้สูตร 50:20:30 หรือผู้ที่อายุมาก (เช่น 55 ปี) ใช้สูตร 45:30:25
สำหรับคนที่ต้องการหลุดพ้นจากกับดักกับเงินหมดก่อนสิ้นเดือนหรือการใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ลองเริ่มต้นการแบ่งเงินตามสูตร 50:30:20 ช่วยให้วางแผนการใช้จ่ายเงินได้อย่างเหมาะสม ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป มีเงินเหลือพอใช้จ่ายในแต่ละเดือน และเหลือเก็บออม ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว