×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

ภาระเยอะแค่ไหน ก็ต้องวางแผนเกษียณ

237

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Youtube | Facebook | TikTokInstagramLine 

 

ไม่ว่าภาระค่าใช้จ่ายจะเยอะแค่ไหน อย่าลืมวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงและไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน

 

รายจ่ายเยอะ แทบไม่มีเก็บ มีอยู่จริง

 

คนเราไม่ว่ามีรายได้สูงแค่ไหน ก็มีอาจไม่มีเงินเหลือเก็บทั้งนั้น เพราะเมื่อรายได้สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายหลายอย่างก็สูงตาม เช่น วันที่เริ่มต้นทำงานเงินเดือน 15,000 บาท แค่ค่าเดินทางด้วยรถประจำทาง ทานอาหารห้างฯ เดือนละ 1-2 ครั้ง จ่ายค่าเช่าห้องเดือนละหลักพัน รวมแล้วก็เกือบเท่าเงินเดือนที่ได้แล้ว

 

เมื่อรายได้สูงขึ้น เช่น เงินเดือน 50,000 บาท รายจ่ายและคุณภาพชีวิตก็สูงตาม เช่น จากค่าเช่าห้องหลักพันกลายเป็นค่าผ่อนบ้าน/คอนโด 10,000-20,000 บาท จากเดินทางด้วยรถประจำทางกลายเป็นเรียกรถผ่านแอปหรือผ่อนรถยนต์ 10,000-15,000 บาท เป็นต้น ยังไม่นับกรณีคนที่มีครอบครัวที่อาจมีค่าเลี้ยงดูและค่าการศึกษาบุตรตามมา

 

ยิ่งภาระเยอะ ยิ่งต้องจัดสรรค่าใช้จ่าย

 

สำหรับคนที่มีภาระเยอะ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ต้องจัดสรร Budget ค่าใช้จ่ายจากรายได้ที่เข้ามา เพื่อให้รู้ว่าควรจ่ายเงินในแต่ละเรื่องไม่เกินเท่าไร เช่น คนเงินเดือน 50,000 บาท มีพ่อแม่และลูกต้องดูแล อาจแบ่ง Budget ได้ดังนี้

 

  • 40% ค่าใช้จ่ายจำเป็นส่วนตัว: 20,000 บาท 

เช่น เดินทางไปทำงาน อาหาร 3 มื้อ โทรศัพท์รายเดือน เป็นต้น ที่ไม่จ่ายหรือจ่ายน้อยกว่านี้ไม่ได้ เพราะกระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน

 

  • 20% ค่าใช้จ่ายจำเป็นคนในอุปการะ: 10,000 บาท 

เช่น อาหาร ตรวจรักษาสุขภาพพ่อแม่ ค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน 

 

  • 10% ค่าใช้จ่ายจำเป็นส่วนกลางของครอบครัว: 5,000 บาท 

เช่น สาธารณูปโภค สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ฯลฯ 

 

  • 10% ค่าใช้จ่ายฮีลใจตนเอง: 5,000 บาท 

เช่น สังสรรค์กับเพื่อนฝูง

 

  • 10% ค่าใช้จ่ายฮีลใจคนในอุปการะ: 5,000 บาท 

เช่น ทานอาหารนอกบ้าน ค่าของใช้ใหม่ๆ

 

  • 10% เงินเก็บเพื่ออนาคต: 5,000 บาท 

เช่น เงินลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ

 

ไม่วางแผนเกษียณวันนี้ วันหน้าไม่ได้ลำบากแค่ตัวเอง

 

ในวันที่เรายังมีรายได้ การใช้จ่ายส่วนตัวเดือนละหลักหมื่นคงดูเป็นเรื่องปกติ แต่ในวันที่ไม่มีรายได้โดยต้องใช้จ่ายจากเงินเก็บในบัญชี หากไม่เคยวางแผนให้เพียงพอใช้ในยามเกษียณ ตลอดระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่อายุ 60-85 ปี การใช้จ่ายแค่เดือนละหลักพันบาทจากเงินเก็บที่มี พร้อมกับเงินที่ได้รับจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและบำนาญประกันสังคมให้เพียงพอกับการดำรงชีวิตอาจเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

 

ยิ่งหากปัจจุบัน ที่ตนเองรู้สึกว่ามีภาระต้องแบกรับค่าใช้จ่ายพ่อแม่ ไม่ว่าจะด้วยหน้าที่ลูกที่ดี หรือเต็มใจตอบแทนความรักจากพ่อแม่ที่ผ่านมา ซึ่งหากในอนาคตเราไม่มีเงินเก็บเพียงพอ ตัวเราเองยามแก่เฒ่าก็อาจต้องกลายเป็นภาระให้กับลูกหลาน ที่แม้จะเต็มใจดูแลเราแต่ก็อาจเป็นภาระที่มากเกินไปจนกระทบกับเป้าหมายในอนาคตของลูกหลานได้เช่นกัน

 

เริ่มลงทุน เพื่อแผนเกษียณอายุ

 

ชีวิตที่ดีหลังเกษียณมีได้ อาจไม่ได้อยู่ที่ว่าจะเก็บเงินหรือลงทุนได้เท่าไร แต่อยู่ที่ได้เริ่มแล้วหรือยังและเลือกลงทุนในทางเลือกไหน เพราะด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันหากให้เวลาเงินได้ทำงานผ่านการลงทุนไม่เท่ากันผลลัพธ์ที่ได้ย่อมต่างกัน เช่น ลงทุนด้วยเงินก้อน 5,000 บาท ที่ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี หากให้เวลาเงินทำงาน 10 ปี 20 ปี และ 30 ปี เงินจะเติบโตขึ้นกลายเป็น 8,144 บาท 13,266 บาท และ 21,610 บาท ตามลำดับ

 

ดังนั้นแม้ในแต่ละเดือนจะยังเก็บหรือลงทุนได้น้อย แต่หากเริ่มต้นได้เร็วและเลือกลงทุนในทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าแค่การฝากเงิน การมีเงินก้อนโตในวันที่เกษียณนั้นก็ไม่ยากเลย เช่น ลงทุนเดือนละ 5,000 บาท ในทางเลือกที่ให้ผลตอบแทน 5% ต่อปี (เช่น กองทุนผสมที่ลงทุนหุ้นประมาณ 50%) เป็นเวลา 20 ปี และ 30 ปี จะมีเงินก้อนประมาณ 2 ล้านบาท (จากเงินต้น 1.2 ล้านบาท) และ 4.2 ล้านบาท (จากเงินต้น 1.8 ล้านบาท) ซึ่งเพียงพอกับการใช้จ่ายตลอดระยะเวลา 25 ปี ประมาณเดือนละ 6,850 บาท และ 13,870 บาท ตามลำดับ เป็นต้น

 

มีภาระค่าใช้จ่ายต้องแบกแค่ไหน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ใส่ใจอนาคตของตนเอง เพราะไม่เพียงแต่ชีวิตหลังเกษียณตนเองจะลำบากแล้ว ยังอาจทำให้ลูกหลานที่รักต้องลำบากแบกภาระดูแลตัวเรา จนไม่มีเงินเหลือเก็บเช่นกัน

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats