×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

3 Do - 3 Don’t สำหรับการลงทุนปี 61

8,285

 

สวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่านและหวังว่าทุกท่านคงจะพบเจอแต่เรื่องราวดีๆ พร้อมกับการท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานตลอดช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมานี้ สำหรับในโลกของการลงทุนนั้นเชื่อว่าปี 2561 นี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2560 ที่ผ่านมาต่างพากันปรับตัวขึ้นกันแบบทำลายสถิติ ทั้งตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาที่ดัชนี DowJones และ S&P 500 เดินหน้าทำจุดสูงสุด(New High) อย่างต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นไทย SET Index เองก็ไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน ทำผลตอบแทนได้สูงกว่า 13% เรียกว่าดีเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่ออกมาคาดการณ์ตอนตั้นปี และนั้นจึงเป็นที่มาของความคาดหวังในผลตอบแทนประจำปีนี้จากผู้ลงทุน

 

วันนี้เราจึงมีเทคนิคในการลงทุนแบบง่ายๆ เพื่อที่จะไม่ให้เราหลงทางไปกับการลงทุนในปี 2561 นี้ โดยที่แบ่งออกเป็น 3 สิ่งที่ควรทำและ 3 สิ่งที่ไม่ควรทำสำหรับการลงทุนต่อจากนี้ไป

 

มาเริ่มกันที่ 3 สิ่งที่ควรทำกันก่อน

 

1.ออมเงิน (Save)

นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะถ้าเรายังไม่มีแม้แต่เงินออมเราจะมีเงินไปลงทุนได้อย่างไร แล้วเราจะเริ่มต้นกันอย่างไรดี จริงๆแล้วช่วงต้นปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพนักงานประจำ มนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย น่าจะมีเงินอยู่เต็มกระเป๋าเพราะเพิ่งจะได้รับโบนัสกันมา ดังนั้นควรจะแบ่งส่วนหนึ่งออมมาเป็นเงินไว้สำหรับลงทุน ก่อนที่เราจะนำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือย

 

2.ตรวจสอบพอร์ตการลงทุน (Portfolio Checkup)

เปิดต้นปีมาก็เป็นช่วงเวลาที่สำหรับการตรวจเช็คสภาพพอร์ตการลงทุนของเรา ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของผลตอบแทนโดยรวม ผลตอบแทนรายกองทุน คัดเลือกกองทุนที่จะเข้า/ออกในพอร์ตการลงทุนของเรา รวมทั้งดูว่าหน้าตาของพอร์ตการลงทุนของเรา ว่ายังคงมีสัดส่วนเป็นไปตามเป้าหมายการลงทุนของเราอยู่หรือไม่ ถ้าไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เช่น สัดส่วนหุ้นสูงเกินกว่าที่เรารับได้ก็อาจจะถือโอกาสปรับสัดส่วนการลงทุนให้กลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม (Rebalance)

 

3.ถูกและง่าย (Cheap & Simple)  

บ่อยครั้งที่นักลงทุนส่วนใหญ่พยายามจะลงทุนในสินทรัพย์ที่เข้าใจยาก เพียงเพราะต้องการที่จะมีความรู้สึกพิเศษกว่าคนอื่น แต่หารู้ไม่ว่าการลงทุนที่มีความซับซ้อน (Complexity) นั้นส่วนใหญ่มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง (ต้นทุนทางการลงทุน)และมักจะทำผลตอบแทนได้ไม่คุ้มเสียหรือไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น กองทุนประเภท Hedge Fund ที่ในช่วงที่ผ่านมาก็ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีได้ต่ำกว่าดัชนี S&P 500 ดังนั้นเราในฐานะนักลงทุนเราควรจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เรามีความเข้าใจอย่างท่องแท้ ถึงที่มาที่ไปของผลตอบแทนและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นและการเลือกการลงทุนที่มีต้นทุนในการลงทุนต่ำ ก็สามารถช่วยเรื่องการเพิ่มผลตอบแทนได้ด้วยเช่นกัน

 

3 สิ่งที่ไม่ควรทำ

 

1.วิ่งไล่ตามผลตอบแทน (Chasing Performance)  

คือการที่ผู้ลงทุนเลือกลงทุนในสินทรัพย์หรือกองทุนเพียงเพราะสินทรัพย์เหล่านั้นให้ผลตอบแทนที่ดีในปีที่ผ่านมา และนี่คือการลงทุนที่อันตรายที่สุด เพราะการวิ่งไล่ตามผลตอบแทนนั้นจะทำให้เราเข้าไปลงทุนโดยขาดความระมัดระวัง ขาดความรู้ความเข้าใจ รับความเสี่ยงมากเกินตัว และผิดหลักการลงทุนที่ดี

 

2.ติดตามข่าวการลงทุนมากเกินไป (Listen to too many noise)

เพราะการกระทำดังกล่าว จะทำให้เราหมกหมุ่นเกี่ยวกับการลงทุนและข่าวสารมากจนเกินไปจนทำให้มองข้ามภาพการลงทุนใหญ่และเป้าหมายทางการลงทุนของเราไป ในบางกรณีอาจจะทำให้เราซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการลงทุนโดยปราศจากเหตุผลที่เหมาะสมเพียงเพราะข่าวสารที่มากระทบ

 

3.ขายหน่วยลงทุน LTF&RMF

จริงๆแล้วเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องราวเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ลงทุนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนที่มักจะมีพฤติกรรมชอบขายหน่วยลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ในช่วงต้นปีเพียงเพราะรู้สึกว่าเราลงทุนมาครบตามเกณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่รู้ว่าจะนำเงินดังกล่าวไปทำอะไรต่อด้วยเช่นกัน และเงินเหล่านั้นก็มักจะหมดไปกับของใช้สิ้นเปลืองต่างๆซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเป้าหมายทางการลงทุนของเรา แต่ถ้าหากว่าเรามีเหตุผลในการขายที่ดีเช่น นำเงินไปลงทุนต่อ ลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ชำระหนี้สิ้นต่างๆ หรือแม้กระทั้งจ่ายค่าการศึกษาบุตร ก็ถือว่าเป็นเหตุผลเหมาะสม

 

#WealthMeUp

 

กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

Related Stories

amazon anti fatigue mats