×

Wealth Me Up ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ

Forget “Tech” Think “Disruption”

3,082

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ทุกวันนี้เทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจึงได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุน เพราะมีอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรในระดับสูง อีกทั้งยังมีความสามารถในการต้านทานผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจโลกได้ดี

 

 

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน…ใครรู้ก่อนย่อมเป็น “ผู้ชนะ”

 

Disruption เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยี เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา องค์กรหลายแห่งใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยลดต้นทุน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทำให้บริษัทเหล่านี้ สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาด และเข้าไปแทนที่ธุรกิจแบบเก่าที่ปรับตัวไม่ทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค

 

ในมุมของนักลงทุนการมองหาบริษัทเทคโนโลยี เพื่อเข้าไปลงทุน จึงควรเลือกบริษัทที่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค และสามารถนำเทคโนโลยีมาตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังควรให้ความสำคัญกับหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ในประเทศนั้นๆ ด้วยว่ามีความเข้าใจ และความพร้อมในการสนับสนุนมากน้อยเพียงใด

 

Amazon จากร้านหนังสือออนไลน์ สู่ Disruptor ตัวจริง

 

Amazon เริ่มต้นเมื่อปี 1994 จากร้านขายหนังสือออนไลน์ ก่อนเพิ่มประเภทสินค้าที่จำหน่าย (CDs, ของเล่น, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า, รองเท้า ฯลฯ) ลองผิดลองถูก กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นผู้นำค้าปลีกของโลก (ขายทุกอย่างบนโลกออนไลน์, มีธุรกิจ Cloud ฯลฯ) และเป็น 1 ใน 3 บริษัทในโลก ที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (Apple, Amazon, Microsoft) ทำให้ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่าง Walmart กลายเป็นอดีต และเพลี่ยงพล้ำให้กับ Amazon

 

Global Tech Trend…กลุ่มไหนน่าสนใจ

 

โลกการลงทุนหันมาให้ความสนใจหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีอัตรการเติบโตสูง และสามารถต้านทานกับผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจโลกได้ เห็นได้จากความกังวลเรื่องสงครามการค้าในช่วงที่ผ่านมา แม้จะทำให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีผันผวน แต่ผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา (Q1/2019) กลับพบว่าผลกำไรดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ (หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี 96% ใน S&P500 ทำกำไรดีกว่าที่คาด)

 

สำหรับหลักการเลือกลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี บลจ.วี ประเมินว่าสิ่งสำคัญคือการเลือกหุ้นรายตัว (Stock Selection) เพื่อประเมินศักยภาพการทำธุรกิจ ผลการดำเนินงาน ความสามารถในการทำกำไร และโอกาสในการเติบโตระยะยาว สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจในมุมมองของ KTBST คือ

  • Cloud, AI มูลค่าตลาด 186,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตเฉลี่ย 21% ต่อปี
  • eCommerce, Digital Payment มูลค่าตลาด 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • Digital Content คาดว่าปี 2020 จะมีมูลค่าตลาด 152,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • Cyber, Physical มูลค่าตลาด 114,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตเฉลี่ย 12.4% ต่อปี
  • Digital Marketing, Advertising มูลค่าตลาด ปี 2018 อยู่ที่ 273,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

บลจ.วี เปิดตัว กองทุน WE-GTECH

 

บลจ.วี ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST) ถือหุ้น 51% เปิดตัว กองทุนเปิด วี โกลบอลเทคโนโลยี (WE-GTECH)  เน้นการลงทุนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็น Mega Trend โดยเลือก POLAR CAPITAL ASSET MANAGEMENT ซึ่งเป็นผู้นำด้านการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ในยุโรป มีประสบการณ์ลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกว่า 20 ปี เป็นผู้บริหารกองทุน ด้วยความเชื่อที่ว่าหุ้นกลุ่มนี้ควรเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่จัดสรรอยู่ในพอร์ตลงทุน และจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มการทำธุรกิจ พร้อมทั้งเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีหลาย stage เช่น กลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้น (early stage) ซึ่งอาจมีผลการดำเนินงานขาดทุน ซึ่งทาง POLAR จะไม่เลือกหุ้นในกลุ่มนี้เข้าพอร์ตลงทุนเพราะมองว่ายังไม่มีเสถียรภาพมากพอ เป็นต้น

 

โดยกองทุนเปิด วี โกลบอลเทคโนโลยี (WE-GTECH) เปิด IPO ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม –  7 สิงหาคมนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามได้ที่ บลจ.วี โทร. 02-648-1555

 

 

วิทยากร: ดร.ภูมิ ภูมิรัตน ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี ก.ล.ต. | อิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ. วี | วิศกรณ์ คีรีวรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการและนักกลยุทธ์ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ KTBST

 

พิธีกร: เฟิร์น ศิรัถยา อิศรภักดี

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats