ทำความเข้าใจ…เศรษฐกิจไทยแค่ “ชะลอตัว”
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ดูแย่ลง แย่ลง!! ซึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ ฯ และ จีน ทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย และจะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือ Recession หรือไม่
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันในงาน Analyst Meeting ครั้งที่ 4/2562 เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย ไม่ได้เกิดวิกฤต แต่แค่ชะลอลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ โดย ธปท. คาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 2.8% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 3.3. % ส่วนปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.3%
ขณะที่เพจธนาคารแห่งประเทศไทย โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับคำนิยามของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หดตัว และ ถดถอย ต่างกันยังไง ? พร้อมกับย้ำว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเป็นเพียงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่ได้ถึงขั้นเศรษฐกิจหดตัวหรือ ถดถอย และที่ผ่านมาหลายคนอาจจะสับสนว่าภาวะเศรษฐกิจทั้ง 3 แบบนี้ มีความหมายแบบเดียวกัน แต่ความจริงไม่ใช่
ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
หมายถึง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงจากช่วงก่อนหน้า แต่ยังเป็นบวก เช่น GDP ปีก่อนอยู่ที่ 5 % ปีนี้อยู่ที่ 3 %
ภาวะเศรษฐกิจหดตัว
หมายถึง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงจากช่วงก่อนหน้าจนติดลบ เช่น GDP ปีก่อนอยู่ที่ 4 % ปีนี้อยู่ที่ -1%
ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ( Recession )
หมายถึง ภาวะที่เศรษฐกิจหดตัวยาวนาน โดยทั่วไปวัดจากข้อมูล GDP ที่ปรับฤดูกาลหดตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ติดต่อกัน 2 ไตรมาสขึ้นไป
ปัจจุบันเศรษฐกิจไทย เป็นเพียงภาวะชะลอตัวเท่านั้น โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา GDP ขยายตัวอยู่ที่ 4.1 % ขณะที่ในปี 2562 ธปท.ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ลงเหลือ 2.8 % เช่นเดียวกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจหลายแห่งที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง จากหลายปัจจัยลบที่เข้ามากดดัน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจมองว่า GDP จะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง
- การส่งออกในปีนี้จะขยายตัวติดลบ ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ จีน แต่ผลกระทบดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับประเทศไทยเท่านั้น แต่กระทบทั่วทั้งภูมิภาคอย่างชัดเจน
- ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และการแข็งค่าของเงินบาท
- ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง รุนแรงกว่าที่คาด
- การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐยังอยู่ในระดับต่ำ
ดังนั้น จึงต้องรอติดตามผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกว่า 3 แสนล้านบาท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้เพียงใด รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่หลายหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ คาดว่า คณะกรรมการนโยบาการเงิน หรือ กนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งภายในปีนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 7 ส.ค.62 ที่ผ่านมา ได้มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงไปแล้ว 0.25%