×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

4 เทคนิคเลือกหุ้นปันผล

3,130

 

กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

นักลงทุนอาจจะสงสัยว่าหุ้นปันผลต่างจากหุ้นคุณค่าอย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วหุ้นปันผลมักจะเป็นหุ้นคุณค่า แต่ความแตกต่างที่ชัดเจน คือ หุ้นปันผลจะต้องจ่ายเงินปันผล ส่วนหุ้นคุณค่าอาจจ่ายหรือไม่จ่ายเงินปันผลก็ได้ คำว่าหุ้นปันผลนั้นจะต้องเป็นกิจการที่ดำเนินธุรกิจในระยะหนึ่งและมีผลการดำเนินงานเติบโตมั่นคง จากนั้นก็แบ่งเงินจากผลการดำเนินงานมาจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นในรูปเงินปันผล แปลว่า กิจการได้พิสูจน์ตัวเองว่าประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจจนมีผลการดำเนินงานที่ดี

 

ดังนั้น หุ้นที่จ่ายเงินปันผลจะไม่ใช่กิจการที่เพิ่งเริ่มต้นเปิดดำเนินการหรือกำลังทดสอบสินค้ากับตลาด แต่จะเป็นกิจการที่เติบโตได้ในระดับหนึ่งและขนาดธุรกิจจึงมีขนาดระดับกลางขึ้นไป พูดง่าย ๆ หุ้นปันผลจะมีการเติบโตมั่นคงต่อเนื่อง ตัวเลขผลกำไรอาจไม่เติบโตมากหรือรวดเร็วแต่จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลกำไรส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ใช้ในการดำเนินกิจการ ขยายธุรกิจ แต่อีกส่วนหนึ่งต้องแบ่งมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น

 

สำหรับการดูว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นปันผลที่ดีหรือไม่ สามารถดูจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานต้องมีความต่อเนื่อง ไม่ใช่ 2 ปีที่แล้วจ่ายเงินปันผล ปีถัดไปประกาศว่าไม่จ่ายเงินปันผลเพราะขาดทุนจากการดำเนินงาน ดังนั้น ต้องดูกระแสเงินสดย้อนหลังกลับไปสัก 5 ปี ซึ่งหากมีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องก็สามารถวางใจได้ระดับหนึ่งว่ามีโอกาสจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง แปลว่าต้องดูอนาคตด้วยการวิเคราะห์ว่ากิจการมีการดำเนินธุรกิจประเภทไหน คู่แข่งมากน้อยแค่ไหน มีสินค้าทดแทนหรือไม่ อำนาจการแข่งขันเป็นอย่างไร เป็นผู้นำทางธุรกิจหรือไม่ ความยากง่ายในการปรับขึ้นราคา ในช่วงวิกฤติผลการดำเนินงานยังเติบโตแข็งแกร่งหรือไม่ กฎระเบียบต่าง ๆ มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมากน้อยแค่ไหน เป็นต้น หากต้องการเริ่มเลือกหุ้นปันผลแล้ว เรามี 4 เทคนิคดีๆ มาฝาก

 

ดูประวัติการจ่ายปันผล

 

เบื้องต้นให้ดูจากประวัติการจ่ายเงินปันผลย้อนหลัง โดยดูตัวเลขย้อนกลับไปทั้งในช่วงเศรษฐกิจขยายตัวและช่วงเศรษฐกิจซบเซา เช่น ก่อนวิกฤติปี 2540 ระหว่างวิกฤติและหลังวิกฤติ, ก่อนและเกิดวิกฤติซับไพร์ม และล่าสุดดูช่วงก่อนและหลังเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 เพื่อให้ครอบคลุมวัฏจักรธุรกิจทั้งในช่วงที่รุ่งเรืองและตกต่ำ เพื่อประเมินศักยภาพและแนวโน้มการจ่ายปันผลของกิจการนั้นได้

 

ดูอัตราการจ่ายปันผล

 

ดูอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่วัดได้ว่ากิจการวางสถานะตัวเองเป็นหุ้นปันผลหรือไม่ โดยปกติแล้วจะคำนวณจากเงินปันผลเปรียบเทียบกับอัตรากำไรต่อหุ้น เพราะบางกิจการจะมีอัตราส่วนนี้สูงถึง 70 – 80% และบางแห่งสูงถึง 90% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากรูปแบบธุรกิจที่มักจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตช้าหรือใกล้อิ่มตัวจึงไม่ต้องการใช้เงินลงทุนมากนัก เมื่อทำธุรกิจและได้กำไรจึงแบ่งมาจ่ายเงินปันผลระดับสูงได้

 

แต่ในบางครั้งหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง อาจไม่ตรงกับนิยามการเป็นหุ้นปันผลเสมอไป เพราะเงินที่นำมาจ่ายปันผลอาจมาจากรายได้หรือกำไรพิเศษที่เข้ามาเฉพาะปี เช่น ขายธุรกิจ, ขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักหรือเป็นช่วงขาขึ้นของอุตสาหกรรม ซึ่งหากปีถัดไปไม่มีกำไรพิเศษก็ไม่สามารถมีเงินมาจ่ายปันผลได้

 

ประเมินแนวโน้มกิจการ

 

นักลงทุนต้องประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในอนาคต เช่น ภาวะเศรษฐกิจที่กระทบต่อยอดขาย คำสั่งซื้อสินค้า เพราะเมื่อรายได้ลดลงย่อมกระทบกับกระแสเงินสดและการจ่ายเงินปันผล วิธีการ คือ นำตัวเลขประมาณการกำไรต่อหุ้น  คูณกับนโยบายการจ่ายปันผล ซึ่งจะสามารถประมาณการณ์การจ่ายปันผลคร่าว ๆ ได้ โดยอาจใช้หลักเกณฑ์ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจจ่ายปันผลเข้ามาประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่แต่ละกิจการกำหนดไว้ ก็สามารถประเมินการจ่ายปันผลได้คร่าว ๆ จากตัวเลขรายได้และกำไร รวมถึงความสามารถในการจ่ายเงินปันผล

 

ดูความเต็มใจจ่ายปันผล

 

ดูความเต็มใจในการจ่ายเงินปันผล เนื่องจากกิจการบางแห่งถึงแม้จะมีเงินสดหรือกำไรสูง แต่ต้องการเก็บเงินไว้ขยายธุรกิจ แต่อีกแห่งมีกำไรไม่มากแต่ยินดีจ่ายเงินปันผลเยอะ ซึ่งประเด็นนี้จะช่วยประเมินได้ว่าหุ้นตัวนั้นยินดีจ่ายเงินปันผลมากน้อยแค่ไหน

 

นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลประกาศจ่ายเงินปันผล นักลงทุนสามารถตรวจสอบความปลอดภัยหุ้นปันผล โดยให้ดูราคาหุ้นในช่วง 2 – 3 สัปดาห์ก่อนจะประกาศจ่ายปันผลว่าราคาหุ้นวิ่งผิดปกติหรือไม่  โดยสามารถวัดได้จากค่า Beta (ค่าการเหวี่ยงตัวของราคาหุ้นเปรียบเทียบกับการปรับตัวของดัชนีตลาดหุ้น) เช่น กรณีหุ้น XYZ มีค่า Beta 1.5 เท่า เมื่อตลาดหุ้นปรับขึ้น 10% ราคาหุ้นก็สามารถปรับขึ้นได้ 15% ซึ่งถือว่าปกติ แต่หาก 2 – 3 สัปดาห์ก่อนหน้าราคาหุ้นวิ่งไป 25% แปลว่าหุ้นซึมซับข่าวดีล่วงหน้าไปแล้ว เทคนิคนี้จะทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนหุ้นปันผลให้ปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น

 

คำถามตามมา คือ ทำไมต้องลงทุนในหุ้นปันผล คำตอบคือ เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ ดังนั้น ส่วนหนึ่งที่จะสามารถเอาชนะเงินเฟ้อและอยู่รอดได้ในระยะยาว คือ การลงทุนในหุ้น ซึ่งแน่นอนหุ้นเป็นตลาดการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่การลงทุนในหุ้นปันผลเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนและสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats