นักลงทุน 74% มั่นใจ Value ชนะ Growth – DM ชนะ EM
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ผลสำรวจนักลงทุนทั่วโลกรวม 1,087 คน (นักลงทุนรายย่อย, ผู้จัดการกองทุน และนักกลยุทธ์) ที่จัดทำโดย MLIV Pulse พบว่า 74% ยังมั่นใจว่าการลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Stocks) จะชนะการลงทุนหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ขณะที่ 26% เชื่อว่าหุ้นเติบโตจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่า
เหตุผลสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจใน “หุ้นคุณค่า” คือราคาที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน จึงส่งผลให้มีโอกาสทำผลตอบแทนชนะหุ้นเติบโตในช่วงที่เหลือของปี 2022 นี้
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ปี 2007 หุ้นคุณค่าอาจทำผลงานได้ไม่ดีนัก เห็นได้จากดัชนี S&P500 ที่หุ้นเติบโตชนะหุ้นคุณค่าตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลว่าหุ้นกลุ่มนี้อาจไม่ได้รับอานิสงค์จากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่งผลให้หุ้นคุณค่า โดยเฉพาะหุ้นวัฎจักร เช่น กลุ่มพลังงาน และสถาบันการเงิน เผชิญกับแรงขายในช่วงที่ผ่านมา
แม้ว่านับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นคุณค่า พลิกกลับขึ้นมาโดดเด่นกว่าหุ้นเติบโต แต่คงจะเป็นการเร็วเกินไปที่บรรดาผู้สนับสนุนหุ้นเติบโต จะยอมรับว่าตนเองคาดการณ์ผิด ขณะที่การทิ้งหุ้นมูลค่าสูงแล้วหันไปเฟ้นหาหุ้นมูลค่าต่ำเพื่อเข้าลงทุน ก็อาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นกัน
นักกลยุทธ์จากทั้ง BlackRock, UBS ต่างแนะนำให้เข้าลงทุนในหุ้นคุณค่า เช่น กลุ่มการเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ JPMorgan กลับมองว่าการลงทุนทั้งหุ้นคุณค่า และหุ้นเติบโตควบคู่กันน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
ไม่เพียงแต่ประเภทของหุ้นเท่านั้นที่ถูกหยิบขึ้นมาเปรียบเทียบ ตลาดที่เข้าลงทุนก็ถูกนำมาประเมินเช่นกัน โดย 2 ใน 3 ของนักลงทุนกลุ่มนี้ (64%) คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้ว จะทำผลงานได้ดีกว่าประเทศกำลังพัฒนา
แม้โดยเปรียบเทียบราคาหุ้นในตลาดกำลังพัฒนาจะค่อนข้างต่ำ แต่หากพิจารณาร่วมกับคาดการณ์ P/E 12 เดือนข้างหน้าหุ้นกลุ่มนี้ยังทำผลงานได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นตลาดพัฒนาแล้วกลับอยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเฉลี่ยในอดีต
