ดีล Elon Musk-Twitter ส่อแววสะดุด | Goldman-JPMorgan ลุ้น $133 ล้าน

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

สร้างความสับสนให้กับผู้ที่ตามข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด Elon Musk มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ประกาศกร้าวว่าดีลการเข้าซื้อกิจการ Twitter มูลค่า $44,000 ล้าน “ไปต่อไม่ได้” จนกว่าตนจะได้รับรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนแอคเคาท์ปลอมและสแปม มากกว่านี้ (Elon Musk เชื่อว่า Twitter มีแอคเคาท์ปลอมและสแปมมากถึง 20% แม้ CEO Twitter จะระบุว่ามีน้อยกว่า 5% ก็ตาม)

ไม่นานหลังจากนั้น Twitter ได้ระบุว่าบริษัทพร้อมจะดำเนินการตามราคาและเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้โดยเร็วที่สุด พร้อมมีการตั้งข้อสังเกตว่า Elon Musk กำลังพยายามเล่นละครเพื่อกดราคา Twitter หรืออาจถึงขั้นล้มดีลนี้ในท้ายที่สุด

Ann Lipton ศาสตราจารย์ด้านบรรษัทภิบาล Tulane Law School มองว่า Elon Musk กำลังสร้างความปั่นป่วน และทำให้ Twitter ต้องกุมขมับ หากคิดจะต่อกรกลับด้วยการดำเนินการทางกฎหมาย

อย่างไรก็ตามราคาหุ้นของ Twitter ร่วงลง 8% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (16 พ.ค.) ก่อนขยับขึ้น 2.49% วานนี้ (17 พ.ค.) ในระดับราคาราว $38 ต่อหุ้น ร่วงลงอย่างหนักจาก $54.20 ต่อหุ้น ในวันที่ Elon Musk บรรลุข้อตกลงซื้อ Twitter และราคาที่ร่วงลงได้หักล้างกำไรหลังการประกาศดีลไปหมดแล้ว

ทั้งนี้หาก Elon Musk ซื้อกิจการ Twitter มูลค่า $44,000 ล้านได้สำเร็จ Goldman Sachs Group Inc. และ JPMorgan Chase & Co. วาณิชธนกิจรายใหญ่ 2 แห่งของสหรัฐอเมริกา จะได้รับค่าธรรมเนียมบริการให้คำปรึกษาเป็นเงินสูงถึง $133 ล้าน โดยตามข้อตกลง Twitter จะจ่ายค่าธรรมเนียมให้ Goldman Sachs $80 ล้าน เมื่อสามารถบรรลุข้อตกลงการซื้อ-ขายได้สำเร็จ (จะได้รับ $15 ล้านก่อนเมื่อการซื้อกิจการดังกล่าวประกาศอย่างเป็นทางการ)

ส่วนทางด้าน JPMorgan จะได้รับค่าธรรมเนียมทั้งหมดหลังจบดีล $53 ล้าน (ได้รับ $5 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว หลัง Musk ได้ยื่นข้อเสนอการซื้อกิจการให้กับบอร์ดบริหารของ Twitter เรียบร้อยเมื่อ 25 เมษายนที่ผ่านมา)

แต่หากดีลนี้ไม่สำเร็จ ไม่ใช่เพียง 2 ยักษ์วาณิชธนกิจ ที่มีความเสี่ยงจะไม่ได้รับค่าธรรมเนียมดังกล่าว (ซึ่งถือว่าเป็นค่าบริการด้านการเป็นที่ปรึกษาการควบรวมกิจการที่สูงกว่าทั้งปี 2021) Musk เองก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการยกเลิก (Breakup fee) สูงถึง $1,000 ล้าน ซึ่งคาดว่า Elon Musk ไม่น่าจะยอมให้จบแบบนั้น