นาฬิกาหรูมีดีตรงไหน?
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
…ทำไมหลายคน ถึงอยากจะเป็นเจ้าของนาฬิกาหรู?
…เทรนด์นาฬิกาหรู ตอนนี้เป็นอย่างไร?
…แบรนด์ไหน? ราคาดีแทบไม่มีตก
‘นาฬิกาหรู’ ของสะสมที่สร้างมูลค่า
คนจำนวนไม่น้อยที่มีกำลังทรัพย์มากพอ พร้อมจะเปย์เพื่อซื้อนาฬิกาหรูมาเป็นเจ้าของ เพราะนอกจากซื้อเพราะชื่นชอบส่วนตัวแล้ว ก็ยังเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกฐานะกลายๆ ได้อีกต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นาฬิกาหรูเป็นที่นิยมของคนรวยที่มองว่าเป็นทั้งของสะสมและการลงทุนไปในตัว

The Wealth Report ของ Knight Frank ปี 2024 ให้ข้อมูลว่า เมื่อปี 2023 ดัชนีการลงทุนสินค้าหรู หรือ The Luxury Investment Index ลดลง 1% เมือเทียบจากปี 2022 แต่พบว่า มูลค่าของนาฬิกาหรู, งานศิลปะ และเครื่องประดับ ต่างปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งช่วยพยุงดัชนีในภาพรวมไม่ให้ลดลงมาก
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคาของนาฬิกาหรูเพิ่มขึ้นถึง 138% และในช่วงปี 2023 ราคาเพิ่มขึ้น 5% หากดูเฉพาะในปี 2023 นาฬิกาอยู่ในกลุ่ม 6 สินค้าหรู คือ งานศิลปะ, เครื่องประดับ, เหรียญหายาก,นาฬิกา, เพชรสี และไวน์ ที่ราคายังเพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าหรูประเภทอื่นที่เรามักเห็นคนนิยมซื้อใช้และสะสมกัน เช่น กระเป๋าถือ, รถยนต์ และวิสกี้หายาก ราคากลับลดลง
หากพูดกันในแง่ของการสะสม เมื่อเทียบกับสินค้าหรูที่เป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะด้วยกัน ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การลงทุนกับนาฬิกาหรูทำกำไรให้นักสะสมมากกว่า เพราะมูลค่าของนาฬิกามักไม่ได้ลดลงตามสภาพการใช้งานปกติ และโดยทั่วไปจะสามารถใส่นาฬิกาใช้ได้ตามปกติ และยังสามารถขายต่อได้ราคาสูงขึ้นด้วย ซึ่งเท่ากับว่า สุข 2 เด้งเลยก็ว่าได้ เพราะสุขที่ได้ใช้งาน และสุขกับการทำกำไรเมื่อขายต่อ
นอกจากทำกำไรได้แล้ว ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการลงทุนในนาฬิกาหรู คือ โดยทั่วไปแล้ว มูลค่าของนาฬิกาหรู ไม่ได้เกี่ยวโยงกับความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น หรือ ภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจเท่าไหร่
ยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ อย่างช่วงโควิดระบาดในปี 2022 มูลค่าของนาฬิกาหรู ลดลงเพียง 8% เท่านั้น ขณะที่ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ดิ่งลงถึง 19%
นอกจากนี้ นาฬิกาหรูค่อนข้างมีสภาพคล่องสูง ทำให้ซื้อขายเปลี่ยนมือได้ค่อนข้างเร็ว เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เป็นแบบนี้ก็เพราะมีความต้องการสูง แต่มีนาฬิกาหรูรุ่นยอดนิยมหายากจำนวนจำกัดในตลาด เมื่อมีสภาพคล่องสูงแบบนี้ ทำให้เจ้าของสามารถขายเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เร็วเมื่อถึงคราวจำเป็น
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ‘ราคา’ นาฬิกาหรู
1. หายาก มีจำนวนจำกัด (Scarcity)
นาฬิกาก็คล้ายกับการลงทุนสินทรัพย์หรูประเภทอื่น ที่คุณค่าอยู่ที่อุปทานหรือปริมาณของสิ่งนั้นๆ เช่น นาฬิกา Patek Philippe Limited Edition ที่ต้องใช้เวลารังสรรค์นานถึง 8 ปี ต้องใช้วัสดุพรีเมียมทั้งหมด ทำให้มีความต้องการสูงในตลาดสินค้ามือสอง กลายเป็นสินค้าหายาก และเมื่อดีมานด์มากกว่าซัพพลายมาก ราคาก็สูงลิ่วตามไปด้วย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นาฬิกาหรูเป็นสินค้าที่มีจำนวนจำกัด คือ ต้องใช้เวลาผลิตนาน เช่น นาฬิกา Rolex หนึ่งเรือนต้องใช้เวลาผลิต 500 ชั่วโมง แค่นั้นยังไม่พอ สำหรับรุ่นพิเศษบางรุ่น ถ้าอยากได้เป็นเจ้าของ ก็ต้องใช้เวลารอซื้อตรงจากแบรนด์นานถึง 6 ปี เวลารอคอยที่นานขนาดนี้เกิดจากหลายปัจจัย รวมถึง การที่คนซื้อคาดการณ์ว่า นาฬิการุ่นดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงขึ้นอีกในอนาคต
2. ราคานาฬิกายังขึ้นอยู่กับการเป็น “ของแท้” (Authenticity)
เมื่อซัพพลายมีน้อย แต่ความต้องการซื้อมีสูง ก็มักจะมีมือดีฉวยโอกาสขายของเก๊ให้กับนักสะสมที่ไม่ระวังตัว หรือไม่รู้จักสินค้ามากดีพอ
นาฬิกาหรูของแท้มีราคาสูง และคนอยากได้เป็นเจ้าของจะต้องใช้เวลาพินิจพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ
3. แบรนด์ (Brand)
แบรนด์ดังจะไม่ยอมประนีประนอมเรื่องคุณภาพเป็นเด็ดขาด และคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ไว้วางใจได้เป็นตัวส่งให้แบรนด์อยู่ในใจของคนซื้อและนักสะสมนาฬิกาหรู สินค้าดี ที่ราคาดีวันดีคืนเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ยิ่งกระพือแรงซื้อให้มากขึ้นอีก
4. ฟีเจอร์พิเศษเฉพาะตัว (Exclusive Features)
นาฬิกาหรูบางรุ่นไม่ใช่แค่ใช้วัสดุพรีเมียม เป็นงานฝีมือเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับนาฬิการุ่นนั้นๆ เช่น “ฟังก์ชันปฏิทินถาวร Perpetual Calendar” ที่ระบบจะปรับวันที่แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นเดือนที่มี 30 หรือ 31 วัน หรือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่มี 28 หรือ 29 วัน ก็สามารถบอกได้ถูกต้อง
5. ความเก๋าและสภาพนาฬิกา (Age and Condition)
สำหรับคนเล่นนาฬิกาหรูแล้ว นาฬิกามือสองยังขายทำราคาได้ดีเยี่ยมไม่แพ้มือหนึ่ง เผลอๆ ยังแพงกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะบางรุ่นเปี่ยมไปด้วยคุณค่าอีกมากมายในแง่ของความเป็นของวินเทจ เช่น นาฬิกา Rolex Daytona ปี 1968 มีราคาประมูลสูงถึง 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ และยิ่งถ้าเคยเป็นนาฬิกาของเหล่าเซเลปแล้วด้วยละก็ ราคายิ่งพุ่งขึ้นไปอีก
เช่น นาฬิกา Rolex Daytona ที่เคยเป็นของ Paul Newman นักแสดงชาวอเมริกันชื่อดัง เคยถูกประมูลซื้อในราคาแพงลิบถึง 17.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2017 ทำสถิตินาฬิกาที่แพงที่สุดในโลกไปเลย
นาฬิการุ่นไหน? ราคาดี ไม่มีตก
ข้อมูลจาก WatchCharts Overall Market Index ดัชนีชี้วัดเทรนด์ราคาตลาดรองของนาฬิกา มีการเก็บสถิตินาฬิกา 60 รุ่นของ 10 แบรนด์หรู โดยแต่ละรุ่นมีการถ่วงน้ำหนักในดัชนีแตกต่างกัน

ข้อมูล ณ วันที่ 22 กันยายน 2024 พบว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มูลค่าดัชนี (Index Value) อยู่ที่ 59,855 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.1%

ส่วนดัชนีรายแบรนด์ดังๆ คุ้นหูคนไทย จะเห็นว่า ดัชนี Rolex ลดลง 4.5% ดัชนี Patek Philippe ลดลง 8.6% ดัชนี Cartier เพิ่มขึ้น 1%
หากพูดถึงว่า นาฬิกาแบรนด์ไหนรักษามูลค่า (Value Retention) ไว้ได้มากน้อยแค่ไหน เว็บไซต์ watchcharts.com ก็ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน เมื่อวิเคราะห์จากราคาซื้อขายในตลาดรองเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายปลีก

พบว่า แบรนด์ Patek Philippe มี Value Retention สูงที่สุด คือ บวก 27.6% รองลงมาคือ Rolex บวก 20.1% และ Audemars Piguet บวก 8.9%
ส่วนที่เหลือมี Value Retention ติดลบ เช่น Cartier ลบ 21.5% Omega ลบ 29.3% เป็นต้น
ในช่วง 1-2 ปีมานี้ ราคานาฬิกาหรูส่วนใหญ่ลดลงพอสมควร ซึ่งนี่อาจจะเป็นจังหวะเข้าลงทุนของนักสะสมหน้าใหม่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม จำไว้เสมอว่า! การลงทุนทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยง ถ้าคิดจะลงทุนกับนาฬิกาหรู ก็ต้องศึกษาให้รอบคอบถี่ถ้วน ควรติดตามตลาดอยู่เสมอ เพื่อให้รู้ว่า ตอนนี้ราคาในตลาดเป็นยังไงบ้าง ช่วงที่ผ่านมาราคานาฬิกาหรูที่เล็งไว้มีการเคลื่อนไหวยังไงบ้าง
















