เช็กเลย! เงินเดือนเท่านี้ขอคืนภาษีได้เท่าไหร่?
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
เงินเดือนเท่านี้..ต้องจ่าย ‘ภาษี’ เท่าไหร่?
‘ขอคืนภาษี’ ได้แค่ไหน?…มาเช็กกันเลย
หากคุณเป็นพนักงานเอกชนที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 26,000 บาทขึ้นไป คุณอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยภาษีที่ถูกหักจากเงินเดือนไม่ได้คำนวณแค่จากรายได้ แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนที่สามารถนำไปหักก่อนคำนวณได้ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ประกันสังคม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่ถ้าคุณมีรายได้จากอาชีพอิสระ หรือมีรายได้จากหลายแหล่ง อัตราภาษีที่ต้องจ่ายอาจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้และสิทธิ์ลดหย่อนที่ใช้ได้
สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่หลายคนอาจมองข้าม
หลายคนเสียภาษีโดยไม่รู้ว่าตัวเองสามารถขอคืนภาษีได้จากค่าลดหย่อนต่างๆ เช่น
- ดอกเบี้ยบ้าน ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาท/ปี
- ค่าลดหย่อนบุตร บุตรที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ 30,000 บาท/คน หรือ 60,000 บาท/คน กรณีบุตรคนที่ 2 ขึ้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561
- ค่าลดหย่อนบิดามารดา หากมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท สามารถลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อบิดาหรือมารดา 1 คน (กรณีมีพี่น้องต้องตกลงกันว่าใครใช้สิทธิ์ได้)
การออม–การลงทุน ที่ช่วยลดภาษีได้จริง
- กองทุน RMF (Retirement Mutual Fund)
- ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
- ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี และถือครองจนถึงอายุ 55 ปี
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการออมเงินเพื่อเกษียณ
- ประกันชีวิตและประกันบำนาญ
- ประกันชีวิตลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท
- ประกันบำนาญลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
- กองทุน ThaiESG
- ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 300,000 บาท
- ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปีเต็ม
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างยั่งยืนและมีภาระภาษีสูง
ทั้งนี้ในแต่ละปีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีใน “RMF + ประกันบำนาญ + PVD + กบข. + กอช. + กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน” รวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท โดยเมื่อรวมกับการลงทุนในกองทุน ThaiESG และเบี้ยประกันชีวิต จะสามารถใช้สิทธิรวมกันได้ถึง 900,000 บาทนั่นเอง
กองทุนใหม่! ThaiESGX–โอกาสลดหย่อนภาษีปี 2568
แบ่งสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็น 2 ส่วน มีเงื่อนไขสำคัญดังนี้
- เงินลงทุนใหม่ (ปี 2568)
- ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุด 300,000 บาท
- ต้องถือหน่วยลงทุน อย่างน้อย 5 ปี
- คาดว่าจะเปิดให้ลงทุน 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 (เพียง 2 เดือนเท่านั้น)
- LTF ที่มีอยู่ (ซึ่งครบกำหนดแล้ว และต้องการใช้สิทธิลดหย่อนต่อ)
ต้องโอนหน่วย LTF ทั้งหมด ทุกกองทุน ทุก บลจ. ไปกองทุน ThaiESGX ลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท แบ่งเป็น
-
- ปีแรก (2568) สูงสุด 300,000 บาท
- ปีที่ 2-5 (2569-2572) ทยอยลดหย่อน สูงสุดปีละ 50,000 บาท
- ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องแจ้งโอนกองทุน ภายใน 2 เดือน หลังจากจัดตั้งกองทุน
- เงินลงทุนที่เกิน 500,000 บาท แม้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนไม่ได้ ก็ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี เช่นกัน
สรุป…ภาษีไม่ใช่ภาระที่ต้องจ่ายไปอย่างไร้ประโยชน์ หากคุณรู้จักวางแผนให้ดี คุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนเพื่อขอคืนภาษีหรือจ่ายภาษีน้อยลง พร้อมทั้งสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองได้อีกด้วย
