×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

1O กองทุน ETF ค่าย Vanguard ยอดสินทรัพย์สูงสุด 

485

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Youtube | Facebook | TikTokInstagramLine 

 

เคยสงสัยมั้ยว่า? ทำไมชื่อของ ‘Vanguard’ มักจะปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ เมื่อพูดถึงการลงทุนในกองทุน ETF ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและน่าเชื่อถือ…ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือโครงสร้างของบริษัทที่ไม่เหมือนใคร ได้ส่งผลประโยชน์โดยตรงต่อนักลงทุนอย่างชัดเจน 

 

เมื่อนักลงทุน คือเจ้าของที่แท้จริง

 

จุดเด่นที่สุดที่ทำให้ Vanguard แตกต่างจากบริษัทจัดการกองทุนอื่น คือ โครงสร้างความเป็นเจ้าของบริษัทจัดการสินทรัพย์ส่วนใหญ่มักเป็นบริษัทมหาชนที่มีผู้ถือหุ้นภายนอกหรือมีบริษัทแม่เป็นเจ้าของ หมายความว่าผลกำไรของบริษัทจะต้องถูกแบ่งไปให้กับผู้ถือหุ้นเหล่านั้น แต่สำหรับ Vanguard ถือครองโดยกองทุนต่างๆ ของ Vanguard เอง และผู้ที่ถือกองทุนเหล่านั้น ก็คือ นักลงทุนทั่วโลก นั่นหมายความว่า นักลงทุนคือเจ้าของทางอ้อมของ Vanguard

 

ดังนั้น เมื่อไม่มีผู้ถือหุ้นภายนอกที่ต้องคอยแบ่งผลกำไรให้ รายได้ทั้งหมดที่บริษัททำได้จากค่าธรรมเนียม จึงสามารถนำกลับมาใช้เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการกองทุนให้กับลูกค้าได้โดยตรง ผลลัพธ์ที่ได้ คือกองทุนของ Vanguard มีอัตราค่าใช้จ่าย (Expense Ratio) ที่ต่ำ บางกองทุนคิดค่าใช้จ่ายเพียง 0.03% – 0.07% เท่านั้น จึงช่วยให้เงินลงทุนของนักลงทุนเติบโตได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในระยะยาว

 

จากกองทุนดัชนีสู่ ETF: จุดเปลี่ยนโลกการลงทุนเชิงรับ

 

เรื่องราวของ Vanguard เริ่มต้นในปี 1974 โดย John C. Bogle ผู้มีแนวคิดปฏิวัติวงการลงทุน เขาเชื่อว่าการพยายามเอาชนะตลาดในระยะยาวนั้นเป็นเรื่องที่ยากและมีต้นทุนสูง แต่การลงทุนให้ได้ผลตอบแทนล้อไปกับตลาดนั้นเป็นไปได้และมีประสิทธิภาพมากกว่า

 

แนวคิดนี้ได้ให้กำเนิดกองทุนดัชนี (Index Fund) กองแรกของโลกอย่าง Vanguard 500 Index Fund ที่ลงทุนในหุ้น 500 บริษัทใหญ่ของสหรัฐฯ ตามดัชนี S&P 500 ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก

 

เมื่อกองทุนดัชนีได้รับความนิยม Vanguard จึงได้ต่อยอดความสำเร็จมาสู่กองทุน ETF ซึ่งเป็นเหมือนลูกผสมระหว่างหุ้นและกองทุนรวม โดยนำเสนอทางเลือกการลงทุนแบบ Passive ที่โปร่งใสและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น โดยกองทุน ETF เรือธงอย่าง Vanguard S&P 500 ETF (VOO) ที่เปิดตัวในปี 2010 ได้กลายเป็นหนึ่งในกองทุน ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยค่าใช้จ่ายต่ำมากเพียง 0.03% เท่านั้น

 

ทำไม ETF ของ Vanguard ถึงได้รับความนิยม?

 

1. ค่าธรรมเนียมต่ำ 

 

จุดเด่นที่สุดที่นักลงทุนพูดถึง เงินทุกบาทที่ประหยัดจากค่าธรรมเนียม คือผลกำไรที่เพิ่มขึ้นในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน

 

2. กลยุทธ์อิงดัชนีที่เข้าใจง่าย 

 

เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความซับซ้อนในการเลือกหุ้นรายตัว แต่ต้องการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนตามการเติบโตของตลาดโดยรวม

 

3. ความน่าเชื่อถือและโปร่งใส 

 

ด้วยโครงสร้างที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของนักลงทุนเป็นหลัก ทำให้ Vanguard ได้รับความไว้วางใจในด้านการบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล

 

4. เข้าถึงหุ้นชั้นนำของโลก 

 

นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของบริษัทนวัตกรรมระดับโลกได้ง่ายๆ ผ่านการลงทุนในกองทุน ETF เพียงตัวเดียว โดยไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการซื้อหุ้นโดยตรง

 

5. ซื้อง่ายขายคล่อง 

 

สามารถซื้อขายกองทุน ETF ในตลาดหลักทรัพย์ได้ตลอดทั้งวันเหมือนกับหุ้นทั่วไป ให้ความสะดวกและคล่องตัวสูง

 

ความสำเร็จของ Vanguard ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มาจากปรัชญาที่ยึดนักลงทุนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง การสร้างโครงสร้างบริษัทที่นักลงทุนเป็นเจ้าของ ทำให้เป้าหมายของบริษัทและนักลงทุนเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด 

 

อยากเริ่มต้นลงทุนในกองทุน ETF ควรเริ่มยังไงดี?

 

1. เริ่มต้นจากเป้าหมาย กำหนดเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตัวเองให้ชัดเจน

 

2. ศึกษาข้อมูลกองทุน ลองมองหากองทุน ETF ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของตัวเอง เช่น VOO สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา หรือ VT (Vanguard Total World Stock ETF) สำหรับการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก

 

3. ใช้กลยุทธ์ Buy and Hold แนวคิดของ Vanguard เหมาะกับการลงทุนระยะยาว การถือครองและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (DCA) จะช่วยลดความผันผวนและสร้างผลตอบแทนทบต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

4. มองที่ภาพใหญ่ อย่าหวั่นไหวกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น แต่จงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว

 

Vanguard ETF ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ดีสำหรับผู้ที่มองหาการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน โปร่งใส และมีต้นทุนต่ำ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเดินทางสู่โลกแห่งการลงทุนของตัวเอง

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats