×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

3 กองทุน LTF หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ผลตอบแทนไม่เล็ก

5,650

 

ถ้าเปรียบช่วงเวลานี้ของปีก็คงเหมือนกับการแข่งรถหรือวิ่งแข่ง 400 เมตรที่ต้องบอกว่านี่คือ ช่วงโค้งสุดท้ายกันแล้วจริงๆ สำหรับการลงทุนในปี 2560 นี้ เหลืออีกเพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นก็จะหมดปีนี้ และสำหรับกองทุนรวม LTF และ RMF นี่คือช่วงที่ยุ่งวุ่นวายที่สุดของปี ไม่เพียงแต่นักลงทุนที่ยังไม่ได้ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF แต่พนักงานขายกองทุนทั้งตามสาขาของธนาคารและที่ บลจ. ต่างต้องทำงานหนักกันทั้งสิ้น

 

สำหรับนักลงทุน ปัญหาในช่วงนี้ของปีก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเดิมๆ คือ จะซื้อกองทุนไหนดี เวลาเหลือน้อยแล้ว บางคนก็เอาง่าย เลือกซื้อเพราะความสะดวกสบาย เลือกลงทุนกับกองทุนที่ตัวเองมีบัญชีธนาคารฝากเงินไว้ บางคนก็เลือกซื้อตามเพื่อน หรือ บางคนก็ไม่ได้เลือก ซื้อกองทุนเดิมๆเหมือนปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ควรทำ เพราะความต่างของผลตอบแทนและความเสี่ยงระหว่างกองทุนที่ทำผลการดำเนินได้เป็นอย่างดีอย่างสม่ำเสมอและกองทุนที่ทำได้ไม่ดีนั้นสูงเหลือเกิน หรือแม้กระทั่งความเหมาะสมของกองทุนที่จะอยู่ในพอร์ตโฟลิโอของเรานั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

 

ตลอดช่วงปีที่ผ่านมานี้ นักลงทุนในกองทุนรวมหรือนักลงทุนทั่วไปก็ตามคงได้ยินเรื่องราวของหุ้นขนาดกลางและเล็ก (Mid&Small Cap) มาอย่างหนาหู เนื่องจากเป็นหุ้นที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 3ปีติดต่อกัน  เช่นเดียวกันกองทุนต่างๆ ก็ทยอยออกกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กมาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ลงทุน

 

ในกรณีของกองทุน LTF ก็มีกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก (Mid&Small Cap) เช่นเดียวกัน ซึ่งผลตอบแทนก็ร้อนแรงเหลือเกิน ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ 3 กองทุน LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก (Mid&Small Cap) ที่กำลังร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในช่วงท้ายของปี โดยที่ทั้ง 3 กองทุนนี้เป็นกองทุน LTF ที่สามารถทำผลตอบแทนในปี 2560 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560, ที่มา: www.aimc.or.th) ได้ติดอันดับสูงสุดของกองทุนรวม LTF ทั้งหมดในอุตสาหกรรม

 

1. กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวไทยสมอล-มิดแคปปันผล (KFLTFTSM-D) ของ  บลจ.กรุงศรี

มาเริ่มกันที่กองทุน LTF หุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมกันก่อนซึ่งนั้นก็คือ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวไทยสมอล-มิดแคปปันผล (KFLTFTSM-D) ของ  บลจ.กรุงศรี ที่ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ประมาณ 1,089 ล้านบาท

 

โดยที่กองทุนเน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ณ วันที่ทำการลงทุน

 

กองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลและมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกองทุนรวมรายปีอยู่ที่ 1.7976% ต่อปี  

 

พอร์ตการลงทุนในปัจจุบันมีการลงทุนในหลักทรัพย์ 5 อันดับแรกคือ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป (PLAT) บมจ.ทีทีซีแอล (TTCL) บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (AP) และ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY)

 

ในส่วนของผลตอบแทนสำหรับกองทุน KFLTFTSM-D นี้ปี 2560 นี้ทำได้อยู่ที่ 25.93% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560, ที่มา: www.aimc.or.th)

 

2. กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นระยะยาว (KMSLTF) จาก บลจ.กสิกรไทย

สำหรับกองทุน LTF หุ้นขนาดกลางและเล็กเด่นกองที่ 2 นี้เป็นกองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นระยะยาว (KMSLTF) จาก บลจ.กสิกรไทย ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ประมาณ 725 ล้านบาท

 

กองทุนเน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ณ วันที่ทำการลงทุนเช่นเดียวกัน

 

กองทุนนี้ไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลและกองทุนมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกองทุนรวมรายปีอยู่ที่ 1.9731%

 

พอร์ตการลงทุนในปัจจุบันมีการลงทุนในหลักทรัพย์ 5 อันดับแรกคือ บมจ.ศุภาลัย (SPALI)  บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) และ บมจ. เวิรค์พอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK)

 

ส่วนของผลตอบแทนสำหรับกองทุน KMSLTF นี้ปี 2560 นี้ทำได้อยู่ที่ 25.53% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560, ที่มา: www.aimc.or.th)

 

3. กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap หุ้นระยะยาว (TMSLTF)

และสุดท้ายกองทุน LTF หุ้นขนาดกลางและเล็กจาก บลจ.ทิสโก้ คือกองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap หุ้นระยะยาว (TMSLTF) ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ประมาณ 725 ล้านบาท

 

กองทุนเน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ณ วันที่ทำการลงทุน

 

กองทุนนี้ไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลและเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกองทุนรวมรายปีอยู่ที่ 1.81%

 

พอร์ตการลงทุนในปัจจุบันมีการลงทุนในหลักทรัพย์ 5 อันดับแรกคือ บมจ.ไทยรีประกันชีวิต (THRE)  บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) บมจ.ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ (ASAP) บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) และ บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS)

 

ส่วนของผลตอบแทนสำหรับกองทุน TMSLTF ในปี 2560 ทำได้อยู่ที่ 21.35% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560, ที่มา: www.aimc.or.th)

 

จะสังเกตได้ว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Mid&Small Cap มีความแตกต่างและหลากหลายมากเนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้มีจำนวนมากกว่า 600 หลักทรัพย์ จึงเป็นเหตุผลให้เราจะเห็นหน้าตาพอร์ตการลงทุนของแต่ละกองทุนที่แตกต่างกันไป และหุ้นบางตัวก็อาจจะเป็นตัวที่เราไม่คอยคุ้นหูหรือรู้จักว่าเค้าทำกิจการอะไร ซึ่งจะต่างจากการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ดังนั้นนอกจากจะต้องอาศัยความรู้ความสามารถในการเลือกหุ้นจากผู้จัดการกองทุนแล้วนั้นนักลงทุนเองก็ต้องทำการบ้านทำความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

#WealthMeUp

 

กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

Related Stories

amazon anti fatigue mats