Fed หั่นดอกเบี้ยถูกเวลาหนุนตลาดหุ้น
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรส ว่า เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอเป็นวงกว้างกำลังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและชาติอื่นๆ
ตลาดแรงงานของสหรัฐจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. แต่ข้อมูลของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่รายอื่นๆ ทั้งในเอเชีย และยุโรป กลับน่าผิดหวังต่อเนื่อง ตัวเลขการผลิต การค้า และการลงทุนกำลังอ่อนแอทั่วโลก และแม้ว่าสหรัฐฯ กำลังจะเริ่มเจรจาประเด็นทางการค้ากับจีนอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถขจัดความไม่แน่นอนออกไปได้
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า การลงทุนของภาคธุรกิจสหรัฐชะลอตัวลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ระดับ 2% และมีความเสี่ยงที่ภาวะเงินเฟ้อจะอ่อนแอต่อไปนานกว่าที่คาดการณ์ไว้
คาดเฟดหั่นดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25%
หลังจากเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 2.25-2.50% มาตั้งแต่เดือนธ.ค. 2018
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเกี่ยวกับการค้าเป็นระยะๆ ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค. เป็นต้นมา บรรดานักลงทุนและเฟดเริ่มเปลี่ยนมุมมอง โดยตอนนี้ ตลาดต่างคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมนโยบายสิ้นเดือนก.ค.นี้
เตือนนักลงทุนอย่าชอบข่าวร้าย
ในมุมมองของ นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เชื่อว่า เฟดน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมรอบเดือน ก.ย. มากกว่า การประชุมในรอบสิ้นเดือน ก.ค.นี้ และการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวเพื่อเป็นการป้องกันวิกฤตจากปัญหาสงครามการค้า
แม้การส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด จะทำให้เงินทุนไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น แต่นักลงทุนอย่าไปชอบข่าวร้ายจนเกินไป และอย่าให้น้ำหนักการลงทุนจากสภาพคล่องมากกว่าเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งขณะนี้บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง ได้ปรับลดประมาณการณ์ กำไรต่อหุ้น ( Earning per share ) ของบริษัทจดทะเบียนลง เนื่องจากมองว่าผลประกอบการกำไรปีนี้จะเติบโตไม่โดดเด่น ขณะที่หลายหน่วยงานรวมทั้งแบงก์ชาติก็ได้มีการปรับลดคาดการณ์จีดีพีลงถ้วนหน้า
“ แม้การส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย แต่อย่าลืมว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจบ้านเราก็อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเช่นกัน”
สถิติโชว์เฟดหั่นดอกเบี้ยทันเวลาหนุนตลาดหุ้นโต 100%
ข้อมูลสถิติของ Fundstrat ระบุว่า การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดจะมีผลอย่างไรต่อตลาดหุ้นขึ้นอยู่กับว่า ลดดอกเบี้ยถูกเวลาหรือไม่ หากปรับลดอัตราดอกเบี้ยตอนที่เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอย (recession) ก็จะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นพุ่งแรงถึง 100% ในช่วงเวลาดังกล่าว เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนม.ค. 1971, ต.ค. 1984, ต.ค. 1987, ก.ค. 1989, ก.ค. 1995 และ ก.ย. 1998 ที่เศรษฐกิจขยายตัวหลังจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทอม ลี หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Fundstrat อดีตประธานนักกลยุทธ์หุ้นของ J.P.Morgan แจกแจงว่า มี 2 วิธีที่จะประเมินว่า เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไปหรือไม่ คือ ตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ และสามารถดูจากดัชนีชี้วัดวัฏจักรธุรกิจ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (PMI) และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ เฟดได้เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อเดือนส.ค. 2007 เมื่อเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเกือบ 0% ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 9 ครั้ง และหากเฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสิ้นเดือนนี้ จะถือเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
