×

Wealth Me Up ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ

KAsset คงเป้าหุ้นไทย 1,75O

2,350

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย (บลจ.กสิกรไทย) หรือ KAsset คงเป้าหมาย SET Index ปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,750 จุด ระบุสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว แนะนำกลยุทธ์ลงทุนเกาะกระแสเมกะเทรนด์โลก ชี้เป้าธีมเด่นที่น่าสนใจ

 

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 บลจ. มองว่าเศรษฐกิจของโลกโดยรวมจะชะลอตัวลง โดยจะต้องจับตาการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจาได้ข้อสรุปในการประชุม G 20 ช่วงปลายเดือนนี้ ก็ยังเชื่อว่าในอนาคต จะต้องมีการต่อรองประเด็นต่างๆ กันต่อไป

 

ด้านตลาดหุ้นของไทยนั้นได้รับปัจจัยหนุนจากในประเทศ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นกระแสเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าประเทศไทย หลังจากธนาคารกลางของหลายชาติรวมถึงสหรัฐฯ ได้ผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน และล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

 

“บลจ.กสิกรไทย ยังคงเป้าหมาย SET Index ณ สิ้นปีนี้ ที่ระดับ 1,750 จุด และคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ 16%”

 

ขณะเดียวกัน บลจ.กสิกรไทยได้จัดงานสัมมนา KAsset Investment Forum: 2040 Get Ready for the World Ahead ซึ่งได้ชี้ให้นักลงทุนเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก (Megatrends) 4 ด้าน ได้แก่ การขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) นวัตกรรมและเทคโนโลยี (Technological Innovation) ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด (Resource Scarcity) และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและสังคม (Demographic & Social Change)

 

โดยบลจ.กสิกรไทยได้พัฒนากลยุทธ์และนวัตกรรมการลงทุนด้วยธีมการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่สอดคล้องกับกระแส Megatrends เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนแบบยั่งยืนผ่านกองทุนรวม

 

ที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ได้ร่วมมือกับ Baillie Gifford บริษัทจัดการลงทุนสัญชาติสก็อตแลนด์ ออกกองทุน K-CHANGE ซึ่งมีธีมการลงทุนที่ต้องการสร้างผลเชิงบวกให้กับสังคม เพื่อช่วยให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการศึกษา ด้านคุณภาพชีวิต และการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากนักลงทุนได้มีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมและโลกให้ดีขึ้น และยังได้เพิ่มความหลากหลายให้พอร์ตการลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

 

นอกจากนี้ กำลังร่วมกับ Allianz Global Investors เตรียมออกกองทุนใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งเป็นกองทุนที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถมีส่วนร่วมกับกระแสที่กำลังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกได้ ผ่านวิธีการลงทุนแบบ Thematic Investing โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนในธีมที่หลากหลายและได้รับประโยชน์จากกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก อีกทั้งยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต

 

นาย Holger Wehner ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จาก Allianz Global Investors ได้อธิบายการลงทุนโดยเกาะกระแสเมกะเทรนด์โลกว่า จะต้องมองลงไปถึงระดับธีมและหากลุ่มธุรกิจที่น่าลงทุน ซึ่งจากการศึกษามีหลายธีมที่น่าสนใจ ได้แก่ Pet Economy หรือธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเกิดจากมนุษย์อยู่คนเดียวมากขึ้น และมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน พร้อมใช้จ่ายเงินเต็มที่เพื่อปรนเปรอสัตว์เลี้ยง, Artificial Intelligence (AI) ที่มีบทบาทในวงการธุรกิจและพลิกโฉมการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งเดินทาง การเงิน การแพทย์ การผลิต ฯลฯ, ธีมเทคโนโลยีด้านสาธารณสุข, การรักษาความปลอดภัย,ดิจิทัลไลฟ์, การบริหารจัดการขยะและน้ำ และธุรกิจที่เกี่ยวกับจีน

นอกจากนี้ ก็กำลังศึกษาอีกหลายธีมที่น่าสนใจและเหมาะกับการลงทุนในอนาคต เช่น Battery Storage ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังบริษัทที่ทำธุรกิจจัดหาวัตถุดิบด้านนี้ และผู้ดูแลและพัฒนาโครงสร้างเกี่ยวกับ storage ขณะที่ธีม Fintech  และ e-Sport ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน

 

“การลงทุนตามธีมจะต้องแอคทีฟ ศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่ง ต้องรู้ว่าธีมไหนน่าสนใจ เลือกธีมให้ถูกและหาโอกาสการลงทุนจากธีมนั้นให้ได้ ที่สำคัญต้องทบทวนและปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมกับธีมที่เปลี่ยนไปได้ด้วย”

 

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats