×

Wealth Me Up ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ

#เราต้องรอด : วิธีหา “หุ้นคุณค่า” ในวิกฤติ COVID-19 กับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

7,028

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

 

Perfect Strom [COVID-19 + สงครามราคาน้ำมัน]

 

– ดร.นิเวศน์ เรียกช่วงเวลานี้ว่าเป็น “Perfect Strom” คือเจอ 2 วิกฤติในคราวเดียว คือ โรค COVID-19 และสงครามราคาน้ำมัน ซึ่งตลอดชีวิตการลงทุนไม่เคยเจอภาวะตลาดที่ผันผวนหนักแบบนี้มาก่อน (13 มี.ค. เปิดตลาดร่วง 10% (ติดลบกว่า 100 จุดจน ต้อง Circuit Breaker (พักการซื้อ-ขายชั่วคราว) แล้วสักพักก็พลิกกลับมาเป็นบวก กระทั่งปิดตลาดบวกได้ 14 จุด)

 

– ความแตกต่างระหว่างวิกฤติปี 2540 กับ ปี 2563 ในมุมมอง ดร.นิเวศน์ คือ
ปี 2540 คนมีเงิน = แย่, รากหญ้า = ไม่กระทบ | ปี 2563 คนมีเงิน = ไม่กระทบ, รากหญ้า = แย่

 

นักลงทุนตัวจริง…ไม่ซื้อหุ้นช่วง Panic

 

– เมื่อถาม ดร.นิเวศน์ ว่าหุ้นร่วงหนักแบบนี้เข้าช้อนหุ้นบ้างรึเปล่า คำตอบคือ “นักลงทุนไม่ซื้อหุ้นช่วง Panic” เพราะนักลงทุนจะซื้อแบบใจเย็น โดยไม่กลัวซื้อราคาสูง เพราะนักลงทุนซื้อทันเสมอ และจะซื้อในราคาที่ “ซื้อยังไงก็ไม่ขาดทุน” เฉกเช่นที่ Warren Buffet เคยพูดว่า “ส่งไปรษณีย์ไปซื้อหุ้นก็ได้”

 

– ในขณะที่ช่วงที่ผ่านมา ดร.นิเวศน์ ยอมรับว่าทยอยเข้าลงทุนมาแล้วก่อนหน้านี้ จากเดิมมีเงินเงินสดประมาณ 20% ตอนนี้เหลือเงินสดในมือประมาณ 5-6%

 

– นอกจากนี้ ดร.นิเวศน์ ยังเผยเคล็ดลับการมองตลาดว่า “หมดช่วง Panic” ก็ต่อเมื่อมูลค่าการซื้อขายกลับมาที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อวัน จากปัจจุบันที่เฉลี่ย 50,000 ล้านบาทต่อวัน (เหมือนช่วงหลังปี 40 ที่มูลค่าการซื้อขายลดลง คนเลิกสนใจการลงทุนในหุ้น ซึ่งช่วงนั้นจะเป็นจังหวะเข้าลงทุนของนักลงทุนตัวจริงอย่าง ดร.นิเวศน์) เพื่อจะได้วิเคราะห์อย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน

 

พอร์ตติดลบ…เหมือนนมที่หกไปแล้ว

 

– ดร.นิเวศน์ ยอมรับว่าพอร์ตตนเองตอนนี้ติดลบไปประมาณ 10% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางการลงทุนแบบ “หุ้นคุณค่า” ที่พอร์ตต้องค่อยๆ โต ส่วนตลอดระยะเวลาลงทุน 30 ปี พอร์ตเป็นลบเพียง 2-3 ปีเท่านั้น (รวมปีนี้)

 

– สำหรับคำแนะนำของผู้ที่พอร์ตติดลบในช่วงเวลานี้ ดร.นิเวศน์ บอกว่า “เหมือนนมที่หกไปแล้ว อย่าไปคิดเสียดายมัน” เพราะการลงทุนในหุ้นมีทั้งดี และเจ็บตัวคู่กันเสมอ (ตลาดหุ้นไม่ได้มีแต่วันดีๆ) เป็นโลกของบู๊ลิ้ม

 

– “นักลงทุน” ต้องมองระยะยาว และต้องการเป็นเจ้ากิจการที่ดี ลงทุนยาวๆ เพื่อโตไปกับธุรกิจ ซึ่งจะต่างจากนักเก็งกำไรที่มองเพียงแค่ระยะสั้น

 

วิธีหา “หุ้นคุณค่า” ในภาวะวิกฤติ

 

การเลือก “หุ้นคุณค่า” ต้องดู
1. “อุตสาหกรรม” ที่ดี มีการเติบโตในอนาคต (ไม่เป็นขาลง)
2. “บริษัท” เป็นผู้นำตลาด มีจุดขาย มีอำนาจทางการตลาดสูง
3. “ราคา” ที่คุ้มค่า (ซึ่ง ดร.นิเวศน์ บอกว่าหลายบริษัท “ราคานี้คุ้มค่า”)

 

– แต่หากอุตสาหกรรมดี (เช่น การท่องเที่ยว) อาจไม่ได้หมายถึงบริษัทจะต้องดีตามไปด้วย เพราะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาได้เยอะ และมีการแข่งขันสูง สุดท้ายอาจไม่ใช่ผู้นำอีกต่อไป

 

– หรือ หากอุตสาหกรรม กับบริษัท พอไปได้ แต่ถ้าราคาตกลงมามาก ลงทุนแล้วได้เปรียบ “ซื้อยังไงก็ไม่ขาดทุน” ก็อาจตัดสินใจลงทุน

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats