จับหุ้น 1O เด้ง คุณก็ทำได้
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
หุ้น 10 เด้ง (ขาขึ้น) ยังมีไหม? กูรูด้านการลงทุน “คุณมาร์ช BuffettCode” ฟันธงว่า หุ้น 10 เด้งมีอยู่จริง
อยากรวยหลักล้านก็ต้องทุ่มเทเวลา ใส่ใจหาข้อมูล และเฟ้นหา “หุ้นเด้งหุ้นดี” กันหน่อย ถ้าอยากรู้ว่าราคา “หุ้นตัวไหน” มีโอกาสจะเด้งขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ต้องดูว่า มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้หรือเปล่า
โตทุกมิติ
หุ้นที่มีแนวโน้มเด้งขึ้นจะต้องเติบโตทุกแง่มุม เรียกว่าไม่ว่าจะประเมินจากมุมไหน จุดไหน ก็ต้องโต เช่น กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผลประกอบการเติบโต ที่สำคัญต้องดูผลประกอบการย้อนหลังหลายๆ ปี เพื่อดูว่า ที่ผ่านมา เป็นการเติบโตต่อเนื่องหรือไม่ โตเพราะอะไร พร้อมกับประเมินการเติบโตในอนาคต ด้วยการหาข้อมูล แผนดำเนินงานในอนาคตของบริษัทว่าจะเดินไปในทิศทางไหน ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายทางธุรกิจ คาดการณ์ยอดขาย และแผนขยายธุรกิจ
อีกทั้งต้องสนใจเรื่องอัตรากำไรขั้นต้นว่าคงที่หรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือไม่ บริษัทที่จะเติบโตดี จะต้องมีความสามารถรักษาอัตราการทำกำไร ด้วยการปรับกลยุทธ์และขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง เช่น ห้างค้าปลีกหันมาทำสินค้าแบรนด์ตัวเอง (House Brand)
อำนาจต่อรองสูง
หุ้นดีมีแววเด้งจะเป็นหุ้นของธุรกิจที่มีอำนาจต่อรองสูงทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า นำเสนอสินค้าและบริการที่คนอื่นทำทดแทนได้ยาก หรือหากมีคู่แข่ง บริษัทก็ต้องพร้อมลงสนามสงครามราคาแบบไม่กลัวใคร ซึ่งความพร้อมเหล่านี้จะทำให้คู่แข่งรายใหม่แจ้งเกิดยาก เท่ากับทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมไม่รุนแรง และมีโอกาสเติบโตดีต่อเนื่อง
โดยทั่วไป บริษัทที่มีอำนาจต่อรองสูงจะขายของได้มาก สามารถขอเครดิตจากคู่ค้าได้สบายๆ รวมถึงจะคิดขยายกิจการเพิ่มก็ทำได้สะดวก ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทุนหมุนเวียน แถมยังมีเงินสดเหลือ นำมาลงทุนเพิ่มได้อีก ซึ่งช่วยลดต้นทุนทำธุรกิจ สุดท้ายก็ขายสินค้าราคาถูกลง มอบบริการที่ดีขึ้น ขายของได้เพิ่ม วนเวียนเป็นวัฏจักรดีๆ แบบนี้ต่อไป
โมเดลธุรกิจดี
บริษัทไหนที่มีโมเดลธุรกิจดีจะมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของลูกค้าสูง และมักจะใช้เวลาพัฒนาสินค้าและบริการให้โดนใจลูกค้า มากกว่าใช้เวลาเดินหาลูกค้า เพราะธุรกิจที่เจ๋งจริง สุดท้ายลูกค้าจะเดินเข้ามาเอง ทั้งนี้ สินค้าและบริการที่นำเสนอจะต้องเป็นของที่ผู้บริโภคใช้ประจำหรือซื้อซ้ำได้
ใครมีโมเดลธุรกิจดีดูได้จาก จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีข้อได้เปรียบที่ทำให้ธุรกิจแข่งขันได้อย่างยั่งยืน เช่น เป็นธุรกิจที่มีคุณค่า สามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้ ธุรกิจทำให้ลูกค้ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายมากขึ้น มักจะเป็นสินค้าและบริการที่หายาก คนอื่นไม่มี หรือมีก็ด้อยกว่า ทำเลียนแบบได้ยาก ที่สำคัญบริษัทจะต้องสามารถนำจุดแข็งที่มีอยู่เหล่านี้มาใช้เพื่อการแข่งขันในตลาดได้อย่างเต็มที่ เช่น ห้างค้าปลีกของตกแต่งบ้าน ที่มีสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อ ชนิดมาที่เดียวได้ครบเกือบทุกอย่าง มีพนักงานคอยให้คำปรึกษา ซื้อเงินผ่อนได้ และมีสาขาให้บริการมากมาย
เป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรม
อยากจะรู้ว่าใครเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรมต้องพิจารณาให้ดีพอสมควร อย่าเชื่อแค่ถ้อยคำหรูดูดี คำประกาศจากฝั่งธุรกิจเองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยว่า เป็นจริงดังคำอวดอ้างหรือไม่ เช่น เป็นผู้นำตลาดร้านสะดวกซื้อ ก็ต้องพิจารณารายละเอียดว่า มีสาขามากแค่ไหน มากกว่าคู่แข่งเท่าไหร่ ความสามารถในการทำตลาดและการแข่งขันเป็นอย่างไร
วิสัยทัศน์เจ้าของ
เจ้าของธุรกิจที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนจะต้องเป็นคนมองการณ์ไกล มีเป้าหมายทางธุรกิจอย่างชัดเจนว่าต้องการทำอะไร ต้องการให้ธุรกิจยิ่งใหญ่แค่ไหน ซึ่งวิสัยทัศน์เหล่านี้จะทำให้สามารถประเมินได้ว่า ทิศทางของธุรกิจดังกล่าวจะเดินไปทางไหน
เห็นสารพัดข้อมูลที่ต้องค้นหาเหล่านี้แล้ว หลายคนอาจแอบหนักใจ เพราะรู้สึกว่า เยอะเกินไป ไม่รู้จะไปหาที่ไหน คงมีเฉพาะ “คนวงใน” ที่เข้าถึงข้อมูลแบบนี้
ไม่ใช่เลย! เพราะการหาข้อมูลของ “หุ้นเติบโตที่เป็นตัวจริง” ไม่ใช่เรื่องยากเลย ใครๆ ก็เข้าถึงได้ เป็นข้อมูลที่ต้องเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่แล้ว แค่เข้าไปอ่านรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ของบริษัทจดทะเบียนที่สนใจ ก็จะรู้ว่า “หุ้น” ตัวนั้น จะมีโอกาสเด้งขึ้นในอนาคตหรือไม่
นอกจากนี้ก็ยังสามารถติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ เกี่ยวกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่สนใจได้ตลอด
ถ้าอ่านและทำความเข้าใจข้อมูลครบด้านแบบที่บอกไป รับรองว่า การเป็นเจ้าของ “หุ้นเด้ง” (ขึ้น) ไม่ใช่เรื่องยากเลย
