ซื้ออะไรก่อนดี? LTF vs. RMF
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
กองทุน LTF ถือสั้นแต่เสี่ยง | กองทุน RMF ถือยาวแต่มีเสี่ยงต่ำถึงสูง
แล้วปีนี้ควรซื้อ LTF หรือ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีก่อนดี…เพื่อตอบคำถามนี้ ลองเริ่มต้นจากศึกษาความแตกต่างของกองทุนทั้งสองกันดีกว่า
- ลักษณะกองทุน
-
- LTF เสี่ยงสูงเพราะเน้นลงทุนหุ้น มากกว่า 65% โดยมีทั้งแบบจ่ายและไม่จ่ายเงินปันผล
- RMF มีเสี่ยงต่ำไปถึงเสี่ยงสูง รวมถึงมีแบบที่ลงทุนต่างประเทศด้วย แต่ RMF ทุกกองจะไม่มีการจ่ายเงินปันผล
ระยะเวลาลงทุน
-
- LTF ต้องถือ 7 ปีปฏิทินขึ้นไป เช่น หน่วยลงทุนที่ซื้อปี 61 ขายคืนได้ตั้งแต่ต้นปี 67 ส่วนที่ซื้อปี 62 ต้องรอขายคืนตั้งแต่ต้นปี 68 โดยไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่อง
- RMF ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี (หรือปีเว้นปี) จนถึงอายุ 55 ปี และต้องไม่น้อยกว่า 5 ปี เช่น ซื้อ RMF ครั้งแรกอายุ 30 ปี ต้องซื้อถึงอายุ 55 ปี หรือ ซื้อครั้งแรกอายุ 52 ปี หากซื้อทุกปีต้องซื้อถึงอายุ 56 ปี และรอขายคืนตอนอายุ 57 ปี หลังวันที่ครบ 5 ปีเต็มแล้ว
เงินลงทุนแต่ละปี
1.เงินลงทุนขั้นต่ำ
- LTF ไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำไว้
- RMF ต้องลงทุนขั้นต่ำปีละ 5,000 บาท หรือ 3% ของเงินได้พึงประเมินที่เสียภาษี
2. เงินลงทุนสูงสุด
- LTF ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่เสียภาษี และไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี
- RMF ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่เสียภาษี และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี
การขายคืนเมื่อครบกำหนด
-
- LTF ใช้หลักเข้าก่อนออกก่อน ดังนั้นแต่ละปีจะทยอยขายคืนได้เฉพาะหน่วยลงทุนที่ถือครบ 7 ปีปฏิทินแล้วเท่านั้น
- RMF เมื่อลงทุนครบเงื่อนไขและอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถขายคืนทั้งหมดที่เคยซื้อ แม้เป็นหน่วยลงทุนที่ซื้อในปีที่ผ่านมาก็ตาม
กองทุนไหน…เหมาะกับใคร?
-
- LTF เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงและต้องการผลตอบแทนสูง หรือต้องการเงินปันผลในช่วงก่อนครบอายุ
- RMF เหมาะกับคนที่ต้องการวางแผนลงทุนเพื่อให้มีเงินใช้ในวัยเกษียณหลังอายุ 55 ปี
กองทุนไหน…น่าสนใจ?
-
- ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน จากปัจจัยภายนอกประเทศรุมเร้าเช่นในปีนี้ กองทุนที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว 7 ปีขึ้นไป แนะนำ KDLTF (กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล) เพราะเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ คุณภาพดี มีความมั่นคง และกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ไม่ผันผวนไปตามสภาวะตลาด นอกจากนี้ยังมีผลตอบแทนย้อนหลังที่โดดเด่น 10 ปีย้อนหลัง KDLTF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 16.18% ต่อปี และมีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอทุกปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ยิ่งลงทุนระยะยาวแบบนี้ หากเลือกลงทุนกับกองทุนที่มีปันผล ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาตลอด 7 ปีที่ลงทุน โดยมีอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อปี (12-month yield) อยู่ที่ระดับ 8% ถือว่าเป็นกองทุนปันผลสูงสุดของกสิกรไทยเลย (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 61)
- สำหรับการลงทุนเพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีควบคู่กับการวางแผนเกษียณ สิ่งสำคัญก็คือการหาโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนระยะยาว แนะนำ KEQRMF (กองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ) คัดเลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง เป็นผู้นำในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ล้อไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ การลงทุนภาครัฐ (EEC) และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งยังมีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ในระดับสูง 10 ปีย้อนหลัง ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 16.52% ต่อปี และยังติดอันดับ Top 10 Morningstar ทั้ง 3 ปีและ 5 ปีย้อนหลังอีกด้วย (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 61)
สำหรับใครที่สนใจกองทุน KDLTF หรือ KEQRMF สามารถลงทุนได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือทำธุรกรรมง่ายๆ ผ่าน K PLUS, K-My Funds เริ่มต้นเพียงแค่ 500 บาทเท่านั้น เพิ่มเติมที่ https://bit.ly/2F7RqwU
นอกจากนี้ยังสามารถรับ Starbucks e-Coupon สูงสุด 200 บาท เมื่อซื้อกลุ่มกองทุน LTF และ/หรือ RMF ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds เป็นครั้งแรก โดย…
– ลงทุนสะสมสุทธิ 50,000-99,999 บาท รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท
– ลงทุนสะสมสุทธิ 100,000 บาทขึ้นไป รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 200 บาท
ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-28 ธ.ค. 61 (เงื่อนไขเพิ่มเติมเป็นไปตามที่บลจ.กสิกรไทยกำหนด)
คำเตือน
– ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
– ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
– เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือสามารถเลือกให้ไม่หัก ณ ที่จ่ายก็ได้ แต่จะต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี