×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

1O กองทุน ETFs ผลตอบแทนสูงสุดในโลก

1,839

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ตามคำแนะนำของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลก ได้กล่าวในงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2021 ของบริษัท Berkshire Hathaway ว่าถ้ายังไม่มีความเชี่ยวชาญในการเลือกหุ้นรายตัว ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวม ETFs ที่สำคัญลงทุนด้วยวิธีทยอยลงทุน (DCA) ถือเป็นจุดเริ่มต้นการลงทุนที่มีเป้าหมายลงทุนในระยะยาว

 

ปัจจุบัน กองทุนรวม ETFs เป็นสินทรัพย์ลงทุนที่เป็นที่นิยมของนักลงทุนทั่วโลก เพราะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนโดยรวม ทำให้มีจำนวนกองทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากจำนวน 276 กองในปี 2546 เป็น 7,602 กองในปี 2563

 

หากดูมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เฉพาะกองทุน ETFs ทั่วโลก ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ระดับประมาณ 9.94 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะปีที่แล้วเงินไหลเข้า 1.22 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 71%

 

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ปีที่แล้วกองทุน ETFs ของหุ้นทั่วโลกให้สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 14.8% เทียบกับกองทุนรวมหุ้นทั่วโลกที่ทำได้ 11.6% เช่นเดียวกับ ETFs สินค้าโภคภัณฑ์ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 13% ขณะที่กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ให้ผลตอบแทนราว 10%

 

เนื่องจากปัจจุบันมีจำนวนกองทุน ETFs มีจำนวนมากมายและมีนโยบายลงทุนสินทรัพย์หลากหลาย จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยสามารถกระจายการลงทุนไปยัง ETFs ทั่วโลกได้ เพราะข้อดีสำคัญประการหนึ่ง คือ เป็นการลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนอย่างกว้างขวาง ทำให้มีความผันผวนของราคาต่ำ นักลงทุนจึงสามารถตัดสินใจลงทุนได้ง่ายและไม่ถูกสภาวะการลงทุนที่ผันผวนกระตุ้นและทำให้เกิดความตื่นตระหนกในการลงทุนจนเลือกเวลาลงทุนผิด ซึ่งถ้าเป็นผู้ที่เริ่มต้นลงทุนอาจมีความผิดพลาดในการจับจังหวะการเข้า ซื้อหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตลาดผันผวน

 

ด้วยเหตุนี้กองทุน ETFs จึงเป็นทางเลือกให้นักลงทุนสามารถนาไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้พอร์ตลงทุน ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท หากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ สินทรัพย์ประเภทหนึ่งปรับตัวลง แต่อีกประเภทปรับตัวขึ้น ก็จะช่วยประคองพอร์ตลงทุนให้ไม่ขาดทุนหนัก ๆ จึงลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน โดยรวมได้

 

สำหรับวิธีการคัดกรองกองทุน ETFs ในเบื้องต้น ดังนี้

 

  • จัดอันดับ ETFs ของสินทรัพย์แต่ละประเภท โดยเรียงตาม AUM สูงที่สุด 5 อันดับ เพราะ AUM ที่สูงแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและสภาพคล่องของกองทุน

 

  • พิจารณาค่าใช้จ่าย (Expense Ratio) ของ ETFs ที่คัดกรองมา และเลือก ETFs ที่ AUM สูงที่สุด และค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด

 

  • หากไม่มี ETFs ใดที่เข้าเกณฑ์ข้อ 2 จะพิจารณา ETFs ที่ AUM สูงที่สุดลำดับ ถัดมาดูค่าใช้จ่ายและ Tracking Error ต่ำ (ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีมาก) กว่าค่าเฉลี่ยของ ETFs 5 อันดับ ตามที่คัดกรองไว้ในข้อ 1

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats