วางแผน ‘รวย’ สไตล์เด็กจบใหม่
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
รวยไม่ใช่เรื่องยาก! มาดู 5 เคล็ดลับความรวยที่เด็กจบใหม่ก็ทำได้! แม้เงินเดือนยังไม่เยอะ
เงินเดือนอย่าใช้หมด ต้องแบ่งลงทุน
เงินเดือนที่เข้ามาทุกสิ้นเดือน ถ้าอยากรวยจริง ต้องแบ่งไปลงทุนให้ได้อย่างน้อย 20% ของเงินที่ได้มา โดยควรตั้งคำสั่งตัดเงินลงทุนอัตโนมัติทุกวันเงินเดือนออก เช่น คนเงินเดือน 20,000 บาท ควรตั้งคำสั่งตัดเงินเดือนละ 4,000 บาท ทุกวันเงินเดือนออก ไปลงทุนกองทุนหุ้นโลก ฯลฯ เพื่อเป็นการสะสมเงินลงทุนให้งอกเงย แล้วค่อยนำเงินเดือนส่วนที่เหลือ 16,000 บาท ไปใช้จ่ายประจำวัน
แยกเงินให้ชัด ‘ใช้ vs สำรอง vs ลงทุน’
“เงินลงทุน” ต้องสามารถถือได้ยาว 5 ปีขึ้นไป จึงต้องมั่นใจว่าจะไม่ต้องใช้เงินส่วนนี้หากไม่สุดวิสัยจริงๆ ดังนั้นควรแยกเงินออกเป็นอย่างน้อย 3 ส่วน ได้แก่
- เงินใช้จ่ายประจำวัน ควรกันไว้อย่างน้อย 1 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
- เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน ควรกันไว้อย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
- เงินลงทุน คือ เงินส่วนเกินจากเงิน 2 ส่วนแรก โดยเด็กจบใหม่ที่ทำงานในองค์กรที่มั่นคง อาจเริ่มลงทุนได้ หลังมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินแล้ว 3 เดือน ไม่จำเป็นต้องมีถึง 6 เดือนก็ได้
เงินที่ไม่ลงทุนต้องงอกเงย
เงินใช้จ่ายประจำวันและเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน แม้ไม่เก็บในทางเลือกที่มีความเสี่ยง แต่ก็ควรมีผลตอบแทนบ้าง อย่างเงินฝาก e-Savings ที่สามารถ ฝาก/ถอน/โอน ได้ทุกวันทุกเวลา แต่มักมีดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปถึง 5-6 เท่า หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ที่สามารถขายคืนได้ทุกวันทำการ และรอรับเงิน 1 วันทำการ หลังวันขายคืน
ลองลงทุนเสี่ยงสูง
ทางเลือกการลงทุนความเสี่ยงสูง ที่มีหน่วยงานกำกับดูแลรองรับ เช่น หุ้นพื้นฐาน กองทุนหุ้น กองทุนผสม ฯลฯ รวมไปถึงทองคำ คริปโทเคอร์เรนซี ฯลฯ ที่อาจมีความเสี่ยงขาดทุนได้ในบางช่วงเวลา ก็เป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนหรือกำไรที่สูงได้เช่นกัน
การเริ่มต้นลงทุน ด้วยจำนวนที่น้อย เช่น หลักพัน หลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนต้นๆ หากยังเป็นสัดส่วนที่ไม่ถึง 15%-30% ของเงินที่มีอยู่ ก็ถือเป็นการลองเรียนรู้การลงทุน เพื่อนำประสบการณ์ไปใช้กับเงินลงทุนที่จะมีเพิ่มในอนาคต เมื่อมีเงินเก็บหรือรายได้มากขึ้นได้
ใช้ตัวช่วย ให้เหมาะสม
ทางเลือกลงทุนมีอยู่มากมาย ควรใช้ทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม และช่วยสนับสนุนการลงทุนระยะยาวด้วย เช่น
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่หากบริษัทเปิดโอกาสให้เลือกได้ อาจเลือกเพิ่มอัตราเงินสะสมไประดับสูงสุดที่ 15% ของเงินเดือน และเลือกนโยบายการลงทุน ที่เน้นลงทุนหุ้นไทยและต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
- กองทุน ThaiESG และกองทุน RMF ที่สามารถนำเงินลงทุนแต่ละปีไปลดหย่อนภาษี และมีนโยบายการลงทุนที่มีโอกาสรับผลตอบแทนสูงให้เลือก เช่น กองทุนผสม กองทุนหุ้น ฯลฯ
- กองทุนหุ้น กองทุนผสม ที่เป็นกองทุนเปิดทั่วไป ที่สามารถเริ่มลงทุนด้วยเงินแค่หลักร้อยหรือหลักพัน ลงทุนและขายคืนได้ทุกวัน โดยเงินค่าขายคืน รอเพียง 2-7 วันทำการหลังวันขายคืน ก็ได้เงินมาใช้จ่ายได้
เด็กจบใหม่แม้เงินน้อยก็รวยได้ ขอแค่เริ่มต้น เพราะด้วยเงินที่น้อย แต่หากให้เวลาเงินทำงานได้นาน เงินก็เติบโตขึ้นได้ เช่น กองทุนหุ้นหรือกองทุนผสม ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทน 8% ต่อปี ด้วยระยะเวลา 30 ปี สามารถมีเงินล้านได้ ด้วยการลงทุนครั้งเดียว ณ วันนี้ 100,000 บาท หรือด้วยการทยอยลงทุนครั้งละ 740 บาท ทุกเดือน เป็นต้น
