12 หุ้นสหรัฐอเมริกา น่าลงทุนช่วงความผันผวน
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ถ้าลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันนี้แล้วได้ผลตอบแทนเป็นบวก ถือว่าคัดเลือกหุ้นและจับจังหวะได้เก่ง แต่ถ้าผลตอบแทนออกมาเป็นลบหรือได้กำไรเล็กน้อย คงต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน
ปีนี้นับเป็นปีที่เศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนมากมาย ทั้งเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น การดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัวของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ซึ่งฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจและนำพาสู่ความเสี่ยงในการเกิดเศรษฐกิจถดถอย
ล่าสุด นักลงทุนผิดหวังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาเดือนสิงหาคม ที่ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าเฟดจะมีมติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายทางการเงิน (FOMC) ในวันที่ 20 – 21 เดือนกันยายนนี้ และอาจตามด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่รุนแรงน้อยลงในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจ ยังคงมีปัจจัยอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เช่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับสูงขึ้น ส่วนต่างของผลตอบแทนระหว่างหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนและพันธบัตรรัฐบาล (Credit Spread) ที่กว้างขึ้น และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ซึ่งโดยรวมจะส่งผลให้มูลค่าหุ้นถูกกดดัน
จากสถานการณ์ดังกล่าว Goldman Sachs ได้แนะนำกลยุทธ์ลงทุนหุ้นสำหรับฝ่าด่านความผันผวนของตลาด ในช่วงที่เหลือของปีนี้ออกเป็น 4 ประเภท
หุ้นกลุ่ม High Quality
โดยเน้นหุ้นที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงและงบการเงินแข็งแกร่ง คือ มีการบริหารทางด้านการเงินที่เข้มงวด การบริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพ ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูง ระดับหนี้ต่ำ หรือความผันผวนของกำไรต่ำ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มนี้มีการเติบโตของผลประกอบการที่ดี
หุ้นกลุ่มคุณค่า หรือ Value
โดยหุ้นกลุ่มนี้มักสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดในช่วงที่เงินเฟ้อใกล้จุดสูงสุดและเฟดเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมักเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนดีกว่าตลาดโดยรวมในช่วงระยะแรกของการเกิดเศรษฐกิจถดถอย
หุ้นกลุ่มปันผล หรือ Dividend
Goldman Sachs ให้ข้อมูลว่าภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจำนวน 12 ครั้ง บริษัทต่าง ๆ แทบไม่มีการปรับอัตราการจ่ายปันผลเลย ซึ่งโดยเฉลี่ยมีการปรับลงเพียงราว 1% เท่านั้น แม้ดัชนี S&P 500 จะปรับลงจากจุดสูงสุดเฉลี่ย 13% ก่อนถึงระดับต่ำสุด ทำให้หุ้นปันผลเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพื่อรับกระแสเงินสดในช่วงตลาดผันผวน
หุ้นกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้หลักจากในประเทศ
จากสถิติ Goldman Sachs พบว่าในปีนี้กลุ่มหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่มีสัดส่วนรายได้จากภายในประเทศ 100% ปรับตัวลงเฉลี่ย 5% ในขณะที่กลุ่มหุ้นที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 73% ปรับตัวลงถึง 22% จึงมองว่าการพึ่งพารายได้จากภายในประเทศเป็นหลัก สามารถช่วยลดความผันผวนจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั่วโลกและสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าได้