ข้อควรรู้ก่อนลงทุนกองทุน Term Fund
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ในช่วงที่ภาวะการลงทุนมีความไม่แน่นอน จากทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ประเด็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และอีกหลายปัจจัยที่ทำให้การลงทุนมีความไม่แน่นอน
แน่นอนว่าทุกความเสี่ยงมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ แต่สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้น้อย กองทุน Term Fund ถือเป็นหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ และยิ่งในภาวะที่ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น จากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางแต่ละประเทศ ส่งผลให้โอกาสสร้างผลตอบแทน
กองทุน Term Fund คือ กองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาหรือมีกำหนดอายุโครงการที่แน่นอน เช่น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน หรือ 1 ปี ดังนั้น การซื้อขายจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กำหนด คล้าย ๆ กับการฝากเงินแบบประจำ
นโยบายการลงทุนของกองทุนรวม Term Fund จะลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นบริหารกองทุนเพื่อให้สร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำ ดังนั้น ตราสารหนี้ที่ลงทุนจึงมีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) รวมถึงเงินฝาก
บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า กองทุน Term Fund จะมีการประมาณการณ์ประเภทตราสาร สัดส่วน และอายุแต่ละตราสารที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนไว้อย่างคร่าว ๆ แล้ว ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้นักลงทุนได้ทราบถึงผู้ออกตราสาร พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรเอกชน แต่ละตราสารในสัดส่วนเท่าไหร่ ประมาณการระยะเวลาที่จะลงทุน (เช่น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน หรือ 1 ปี) รวมถึงมีการประมาณการณ์ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนคาดว่าจะได้รับไว้ล่วงหน้า ทำให้สามารถคาดการณ์ผลตอบแทนที่จะได้รับได้ รวมถึงระยะเวลาที่คาดว่าจะได้รับเงินลงทุนคืนเมื่อครบกำหนด ทำให้สามารถวางแผนการลงทุน หรือการใช้เงินได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ บลจ.กสิกรไทย แนะนำว่าก่อนตัดสินใจลงทุนกองทุน Term Fund สิ่งแรกที่ให้ความสนใจ คือ ลงทุนแล้วจะได้รับผลตอบแทนกลับมาเท่าไหร่ ซึ่งนอกจากประมาณการผลตอบแทนที่จะได้รับแล้ว ยังมีสิ่งสำคัญที่ควรดูจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ เพื่อความเข้าใจและเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
ตราสารที่ลงทุนคืออะไร ใครเป็นผู้ออก
ดูว่ากองทุน Term Fund นี้มีนโยบายการลงทุนอย่างไร ลงทุนในตราสารประเภทใดบ้าง เมื่อรู้ตราสารที่ลงทุนก็พอจะทราบว่าใครเป็นผู้ออกตราสารนั้น เช่น กองทุน A มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ โดยลงทุนในตราสารประเภทพันธบัตรรัฐบาลไทย ก็ทำให้ทราบว่าผู้ออกตราสารนี้คือรัฐบาล
สัดส่วนการลงทุน
เมื่อรู้แล้วว่าตราสารที่ลงทุนคืออะไร ลองมาดูสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณว่ากองทุนลงทุนในตราสารนั้นสักกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ทราบว่าน้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ที่ตราสารใด เช่น กองทุน A ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 100%
อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร
อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารจะเป็นตัวที่บอกถึงความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ โดยบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง (ระดับตั้งแต่ BBB- ขึ้นไป) จะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำและให้ผลตอบแทนต่ำ ส่วนบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ (ระดับต่ำกว่า BBB- ลงมา) จะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงและให้ผลตอบแทนสูง เพื่อแลกกับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะได้รับนั่นเอง โดยอันดับความน่าเชื่อถือนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป
ค่าใช้จ่ายกองทุน
ลองเช็กดูว่ากองทุนนี้มีค่าใช้จ่ายกองทุนหรือไม่ ซึ่งค่าใช้จ่ายกองทุนจะรวมค่าธรรมเนียมการจัดการไว้แล้ว หากมี ค่าใช้จ่ายกองทุนนั้นอยู่ที่ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี เนื่องจากจะมีผลต่อประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับหลังจากกองทุนได้หักค่าใช้จ่ายกองทุนในส่วนนี้ออกไปแล้ว
ความเสี่ยงกองทุน
จริง ๆ แล้วกองทุน Term Fund มีความเสี่ยงไม่ต่างจากกองทุนทั่วไป ถึงแม้จะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็มีโอกาสขาดทุนได้ รวมถึงประมาณการผลตอบแทนที่คาดว่านักลงทุนจะได้รับอาจไม่ได้ตรงตามที่ประมาณการไว้โดยอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าได้เช่นกัน