×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

จับเทรนด์การลงทุนปี 2O18

4,639

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

เปิดต้นปีมานี้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกยังคงคึกคัก ดัชนีตลาดหุ้นต่างๆ ทั่วโลกปรับตัวขึ้นกันอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมกองทุนในบ้านเราเอง ก็ยังคงได้รับความสนใจต่อเนื่องจากปีก่อน

 

โดยเทรนด์การลงทุนประจำปีนี้ ที่เห็นได้ชัดจากการออก IPO ของกองทุนตั้งแต่ต้นปี รวมถึงการตอบรับจากนักลงทุน เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีอยู่ 2 เทรนด์หลักนั้นก็คือ Income และ Thematic

 

จะว่าไปแล้วทั้ง 2 เทรนด์ นี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้เพราะที่จริงแล้วนั้นเราก็ได้เริ่มเห็นเทรนด์การลงทุนดังกล่าวนี้มาพักหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่ามันยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง

 

แต่สำหรับผู้ลงทุนที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับกองทุนประเภท Income หรือ Thematic นั้น เราลองมาทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ ดูตามนี้

 

เริ่มต้นกันทีกองทุนประเภท Income Fund ซึ่งขายดิบขายดีเป็นอย่างมากตลอดช่วงปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องมายังปี 2018 จะว่าไปแล้ว concept ของกองทุน Income Fund นั้นก็คือ กองทุนที่พยายามลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ

 

ตัวอย่างเช่น ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ หรือแม้กระทั่งหุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ หรืออาจจะเป็นกองทุนจำพวก REITs หรือ Infrastructure Fund ที่มักจะมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน ซึ่งเหล่านี้ก็จะเป็นที่มาของผลตอบแทนหลักให้กับกองทุนและผู้ลงทุนนั้นเอง

 

กองทุนประเภทดังกล่าวนี้สามารถเป็นได้ทั้งกองทุนที่เน้นลงทุนเฉพาะตราสารหนี้อย่างเดียว หรือจะมาเป็นในรูปแบบกองทุนผสมก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในบ้านเรานี้ก็มีทั้ง 2 รูปแบบ นักลงทุนจะต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนเลือกลงทุน และอีกประเด็นที่สำคัญก็คือ เรื่องของการจ่ายเงินปันผลซึ่งผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักจะเข้าผิดว่ากองทุนประเภทนี้ต้องมีการจ่ายเงินปันผลออกมาอยู่ตลอดเวลา อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของบทบาทหน้าของกองทุนดังกล่าวในพอร์ตการลงทุน โดยกองทุนประเภทนี้อาจจะเหมาะนำมาใช้เป็นของหนึ่งใน core portfolio ของผู้ลงทุนได้

 

ส่วนกองทุนประเภท Thematic Fund คือ กองทุนที่เน้นลงทุนไปตามเทรนด์ต่างๆ ของโลกหรือ Theme การลงทุนที่แต่ละ บลจ. จะเห็นว่าน่าจะมีโอกาสในการเติบโตได้เป็นอย่างดีในอนาคต ซึ่ง Theme การลงทุนที่เรามักจะคุยเคยกันอยู่ในปัจจุบันก็อย่างเช่น เรื่องของ A.I. Artificial Intelligence (เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์),  Robotics (เทคโนโลยีหุ้นยนต์), Disruptive Technology (นวัตกรรมใหม่ๆที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจหรือกิจกรรมแบบเดิมๆ)  หรืออาจจะเป็น Theme เรื่องของ lifestyle การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ของคนยุคใหม่พวก millennials, หรือแม้กระทั้งเรื่องของ Aging Society (สังคมผู้สูงอายุ) ก็ถือเป็น Thematic เช่นเดียวกัน ซึ่งกองทุนในกลุ่มนี้เหมาะเป็นเพียงแค่กองทุนที่ทำหน้าที่เป็น satellite หรือส่วนเสริมของ portfolio เนื่องจากมีความผันผวนค่อนข้างมากและมักขึ้นลงไปตามสภาพเศรษฐกิจ

 

ท้ายนี้เชื่อว่าเราจะได้เห็นบรรดา บลจ. ทั้งหลายทยอยออกกองทุนทั้ง 2 ประเภทกันอย่างมากมายตลอดทั้งปีนี้ และจะได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งประเด็นต่างๆ ที่ควรดูเพิ่มเติม เช่น บทบาทหน้าที่ของกองทุนแต่ละประเภทในพอร์ต  portfolio สไตล์การลงทุน และที่สำคัญคือเรื่องของค่าธรรมเนียมในการซื้อ/ขายกองทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของ Thematic Fund

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats