×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

ช่วยด้วย ตลาดหุ้นตก!!

3,277

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

“ถ้าซื้อหุ้นได้ง่ายๆ เหมือนเดินเข้าไปในร้านฟาสต์ฟู้ด เลือกเซ็ตอาหารที่ต้องการ จ่ายเงิน แล้วถือมานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย ก็คงดีสินะ”

 

น่าจะเป็นประโยคที่นักลงทุนทุกคนต้องการ


แต่ความจริงนั้นกลับตรงข้ามราวฟ้ากับดิน เมื่อการซื้อหุ้นแค่ตัวเดียว หรือจัดพอร์ตหุ้นเป็นชุด ต้องใช้ฝีมือ แถมซื้อแล้วต้องคอยสอดส่องดูแลกันไปจนกว่าจะขายออกไป และยิ่งไหนภาวะตลาดหุ้นผันผวน ซบเซา เป็นขาลง ต้องวางกลยุทธ์กันยกใหญ่เพื่อลดความเสี่ยง

 

เพราะจากสถิติที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนรายย่อยเก่งตอนช่วงตลาดขาขึ้น แต่พอตลาดเริ่มกลับหัว ตกม้าตายทุกที เพราะมีความเชื่อว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้ ตลาดจะปรับขึ้นเอง” อย่าชะล่าใจ ลองปรับทัศนคติใหม่ ด้วยการรีบหาทางจัดการเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ย้อนกลับไปช่วงปี 2559 – 2560 ตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นขาขึ้นรวมทั้งตลาดหุ้นไทย นักลงทุนที่ซื้อหุ้นล้วนแล้วแต่ “กำไร” ส่วนใครที่ซื้อแล้วขาดทุนอาจจะถูกตั้งคำถามว่า “ซื้อยังไง” ที่สำคัญช่วงระยะเวลานั้นหากดูดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นดัชนีสะท้อนถึงความกลัวของนักลงทุนอยู่ในระดับต่ำมาก คือไม่เกิน 20% บางจังหวะลงไปแตะ 10% สะท้อนว่ามั่นใจต่อการลงทุน และก็เป็นเช่นนั้นจริงเมื่อตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นและขึ้นแรงต่อเนื่อง

 

แต่ทุกวันนี้ดัชนี VIX พุ่งทะยานแตะทะลุ 80% สะท้อนถึงนักลงทุนวิตกกังวลกับการลงทุน พูดง่ายๆ จะซื้อแต่ละครั้งต้องคิดแล้วคิดอีก ถ้ามีอะไรมาสะกิดก็พร้อมจะกระโดดออกทันที นั่นแปลว่า จากนี้ไปตลาดหุ้นเริ่มผันผวนและอาจเข้าสู่การปรับฐาน

 

เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน การปรับพอร์ตลงทุนก็ต้องเปลี่ยนตาม และต้องทำให้ทันเวลาด้วย เพื่อรักษาผลกำไรให้อยู่เหมือนเดิม และนี่คือเทคนิคเบื้องต้นกับการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงตลาดผันผวนหรือปรับลดลง

 

1.นักลงทุนระยะยาว | เป็นจังหวะหาหุ้นดีราคาถูก

ถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาว อาจจะไม่ต้องตกใจและปรับพอร์ตอะไรให้วุ่นวาย เพราะหุ้นที่ลงทุนอยู่นั้นล้วนแล้วแต่ทนทานกับสภาวะผันผวน โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง หุ้นคุณค่า หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เผลอๆ ราคาหุ้นเหล่านี้อาจปรับลดลงตามตลาดโดยรวม กลายเป็นจังหวะ​ “ซื้อ” ได้ของดีราคาถูก

 

แต่ก็อย่าชะล่าใจ นักลงทุนกลุ่มนี้คงต้องจับตาพอร์ตลงทุนของตัวเองบ้าง อาจจะครึ่งปีดูครั้ง แล้วไปดูอีกทีตอนปลายปี หากหุ้นตัวไหนที่ทำการวิเคราะห์แล้ว มูลค่าใกล้เต็มก็อาจจะแบ่งขายทำกำไร แล้วก็รอให้ราคาย่อลงค่อยซื้อกลับ

 

หรืออาจจะกำไรที่ได้จากการขายหุ้น ไปซื้อพันธบัตรที่มีอันดับเครดิตดีๆ เพราะตามทฤษฎี ตลาดตราสารหนี้จะเป็นเกราะป้องกันที่ดีในยามตลาดหุ้นเป็นขาลง ถ้าซื้อพันธบัตรได้ยากเย็นก็ซื้อกองทุนรวมตราสารหนี้ก็ได้

 

2.นักลงทุนระยะกลาง | ลดหุ้นเติบโต เพิ่มหุ้นปันผล

นักลงทุนกลุ่มนี้อาจจะเน้นลงทุนหุ้นเติบโตที่มีปัจจัยพื้นฐานแน่น และพร้อมที่จะขายหากได้กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital gain) กลยุทธ์แบบนี้ใช้ได้กับตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น แต่เมื่อตลาดเริ่มผันผวนและเป็นขาลง หากไม่ปรับกลยุทธ์อาจถึงขั้นขาดทุน

 

ดังนั้น เมื่อเริ่มเห็นตลาดกำลังกลับหัว ต้องลดการถือหุ้นเติบโต เช่น เคยถือ 5 ตัวก็เหลือ 1 – 2 ตัว แล้วเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นคุณค่า หรือหุ้นปันผล นั่นแปลว่าต้องทำตัวเป็นนักลงทุนระยะยาวไปสักระยะ และเมื่อตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้นค่อยกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเติบโต

 

นอกจากนี้ อาจจะแบ่งเงินไปซื้อกองทุนรวมดัชนี ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีที่ใช้อ้างอิง เช่น SET50 Index หรือ SET100 Index ถ้าดัชนีหุ้นอ้างอิงกำไร 10% กองทุนนี้ก็จะสร้างผลตอบแทนได้ใกล้เคียง 10% ถ้าดัชนีหุ้นขาดทุน 10% กองทุนก็ขาดทุนใกล้เคียงเช่นเดียวกัน ก็เป็นทางเลือกที่ดีในช่วงตลาดหุ้นผันผวน เพราะเป็นกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงที่ดี

 

3.นักลงทุนระยะสั้น | ฝึก Cut Loss   

นักลงทุนกลุ่มนี้ จะเข้าไวออกเร็ว อาจจะซื้อขายเป็นรายนาที แต่ละวันจะซื้อขายหลายรอบ เน้นกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น และมองหาหุ้นเก็งกำไรเป็นหลัก และใช้เครื่องมือทางเทคนิคเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อและขาย

 

เมื่อตลาดหุ้นผันผวนและเป็นขาลง ความแม่นยำในการจับจังหวะอาจจะลดลง ถ้าซื้อแล้วขายไม่ทันก็จะ “ติดดอย” เพราะไม่สามารถตัดใจขายเพื่อลดผลขาดทุน หรือเรียกว่า Cut Loss ได้ ทำให้หุ้นที่อยู่ในพอร์ต “ขาดทุน” มากกว่า “กำไร”

 

ทางออกเห็นจะเป็นฝึกการมีวินัย โดยเฉพาะตั้งการ Cut Loss เสมอเมื่อซื้อหุ้นเก็งกำไรไปแล้ว และหากยังไม่มีกลยุทธ์ใหม่ๆ ควรถอยออกจากตลาดด้วยการใช้กลยุทธ์ Wait & See รอจนกว่ามั่นใจว่าตลาดเริ่มเป็นขาขึ้นอีกครั้ง หรือถ้ายังไม่ออกจากตลาดอาจจะไปเน้นลงทุนหุ้นคุณค่า หุ้นปันผล หรือกองทุนรวมดัชนี

 

ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน หากไม่มั่นใจต่อกลยุทธ์การลงทุน วิธีที่ดีเพื่อหนีการขาดทุนหนีไม่พ้นคำว่า Wait & See และท่องคาถานี้ให้ขึ้นใจ “ตลาดหุ้นไม่หนีไปไหน มีแต่นักลงทุนที่มีสิทธิ์ล้มหายตายจาก หากไม่ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสถานการณ์”

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats