×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

เทคนิคคัดหุ้นด้วย PEG Ratio

6,832

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนหุ้นที่มีความผันผวน มีหุ้นประเภทหนึ่งที่นักลงทุนหมายปอง คือ Undervalue Stock หรือ หุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน

 

แต่การค้นหา Undervalue Stock ให้เจอก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเมื่อเจอแล้วก็อย่ารอช้า ควรเก็บเข้าพอร์ตเพื่อรอจังหวะขายทำกำไร ซึ่ง WMU มีเคล็ดลับเฟ้นหาหุ้น Undervalue มาบอก….

 

นักลงทุนสามารถสังเกตหุ้น Undervalue ได้ คือ ราคาหุ้นจะต้อง “ต่ำกว่า” ปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง เช่น หุ้น ABC มีปัจจัยพื้นฐานที่ 10 บาท แต่ราคาหุ้นซื้อขายอยู่ระดับ 5 บาท แสดงว่าหุ้น ABC เป็นหุ้น Undervalue

 

โดยมีวิธีการ คือ ทำการประเมินภาพรวมธุรกิจ ทั้งด้านอุตสาหกรรม ตัวบริษัท ฐานะทางการเงิน รวมถึง Valuation ก็จะพบว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็นหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม แม้ส่วนใหญ่มองว่า หุ้นที่มีราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานจะเป็น “หุ้นดี” เสมอ แต่ในความเป็นจริง หุ้นประเภทนี้มี 2 ลักษณะ คือเป็นหุ้นที่ดีและราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน กับหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ดี แต่ราคาหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับต่ำ

 

เทคนิคเบื้องต้นในการคัดหุ้น Undervalue ให้ดูจากอัตราส่วนทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับราคา เช่น P/E Ratio, P/BV Ratio, อัตราเงินปันผลตอบแทน หรือกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ให้ดูอัตราส่วนที่วัดประสิทธิภาพจากการดำเนินงาน เช่น ROA, ROE หรือ EPS Growth

 

เมื่อประเมินว่าธุรกิจมีอนาคต ก็ต้องดู Valuation คือ ตอนนี้หุ้นราคา “ถูก” หรือ “แพง” โดยนอกจากจะดูอัตราส่วนทางการเงินพื้นฐาน ควรดู Price/Earnings to Growth Ratio (PEG Ratio) เป็นเครื่องมือในการคัดเลือกหุ้น Undervalue โดยเปรียบเทียบ P/E Ratio ของหุ้นกับอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของหุ้นตัวนั้นๆ

 

ถ้า PEG Ratio มีค่าเท่ากับหนึ่ง หมายความว่า ตลาดโดยรวมให้ราคาหุ้นที่สะท้อนถึงอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นอย่างเต็มที่ คำนวณจาก P/E Ratio (ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ) หารด้วย Annual EPS Growth (อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นประจำปี)

 

PEG Ratio มีค่ามากกว่า 1 เท่า มีความเป็นไปได้ว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาซื้อขาย “สูง” เกินมูลค่าที่เหมาะสม (Overvalued stock)

 

PEG Ratio ควรมีค่าน้อยกว่า 1 เท่า หมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่หุ้นตัวนั้นมีราคาซื้อขาย “ต่ำ” กว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น

 

ดังนั้น ตามปกติแล้วหุ้น Undervalue จะมี PEG Ratio น้อยกว่า 1 เท่า เนื่องจากมีความคาดหวังในผลกำไรของหุ้นนั้นๆ เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ตลาดโดยรวมยังไม่ได้รับรู้ถึงศักยภาพการเติบโตของผลกำไรดังกล่าว แปลว่า ในเบื้องต้นหากสนใจลงทุนควรเลือกหุ้นที่มี PEG Ratio ระดับ 0 – 0.90 เท่า

 

เพื่อความสบายใจในการลงทุน อาจใช้อัตราปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ประกอบด้วย เพราะถือเป็นเกราะป้องกันชั้นเยี่ยมที่สามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้น ยิ่งหุ้นตัวไหนให้อัตราปันผลตอบแทนสูงๆ จะได้รับความนิยมจากนักลงทุนระดับสูงเช่นเดียวกัน

 

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats