×

Wealth Me Up ใช้แรงทำเงิน

เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยวิธี 1-3-5

7,783

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

แต่ละคนอาจมีวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวเองแตกต่างกัน เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย วันนี้ Wealth Me Up มีเทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอีก 1 วิธีมาฝาก นั่นคือวิธีการทำงานแบบ 1-3-5 ซึ่งอาจเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ยังหาวิธีไม่ลงตัว

 

การจัดการงานแบบ 1-3-5 คือ การแบ่งงานออกเป็น 3 ก้อน ได้แก่

งานใหญ่ 1 ชิ้น

งานขนาดกลาง 3 ชิ้น

งานเล็ก ๆ น้อย ๆ 5 ชิ้น

= ใน 1 วัน สามารถทำงานเสร็จถึง 9 ชิ้น

 

วิธีนี้ทำให้ในวันทำงานวันหนึ่ง เราสามารถทำงานให้เสร็จได้มากถึง 9 งานชิ้น ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่แนวคิดนี้เชื่อว่าคนคนหนึ่งจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพใน 1 วัน

 

การทำงานแบบ 1-3-5 เป็นการฝึกให้เราวางแผนภาพรวมของงานทั้งสัปดาห์ และลำดับความสำคัญของงาน ว่าควรจะหยิบงานไหนขึ้นมาทำก่อน นอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องทำงานมากเกินไปในหนึ่งวันแล้ว ยังทำให้เรารับมือกับความเปลี่ยนแปลง และพลิกแพลงตามสถานการณ์ได้ทันทีอีกด้วย

 

สามารถปรับแต่งได้ตามความเหมาะสม

วิธี 1-3-5 เป็นกรอบแนวคิดกว้าง ๆ เท่านั้น สามารถปรับแต่งได้ตามลักษณะงานหรือความเหมาะสม เช่น ถ้าวันไหนตรงกับวันที่เราต้องเข้าประชุม หรือมีธุระใด ๆ ที่เราจะไม่ได้อยู่กับโต๊ะทำงาน เราก็สามารถปรับลดจำนวนงานในแต่ละวันได้ หรือตำแหน่งงานของใครมีโอกาสที่จะมีงานแทรก งานซ้อน งานด่วนบ่อย ๆ ให้เผื่อที่ว่างจากงานขนาดกลาง 1 งาน และงานเล็ก อีก 2 งาน หรือเมื่อเกิดภาวะวิกฤติแล้ววันนั้นอาจจะมีเฉพาะงานใหญ่ 2 งานก็เป็นไปได้ และเมื่อสิ้นสุดวันทำงานแล้วเราก็ลองใช้เวลาตอนหัวโล่ง ๆ หลังจากทำงานเสร็จ หรือวางแผนไว้ก่อนนอน เลือกดูว่าในวันพรุ่งนี้ อีก 9 งานที่เราควรจะทำมีอะไรบ้าง

 

ไม่ใช่แค่ทำให้ครบ แต่คือจัดลำดับความสำคัญ

ประเด็นสำคัญของการนำวิธีนี้ไปปรับใช้ไม่ใช่แค่นำเอางานมาหยอดหลุมใส่ช่อง ใหญ่ กลาง เล็กแล้วทำให้เสร็จ ๆ ไปเท่านั้น แต่คือการจัดลำดับความสำคัญแล้วเลือกงานที่จะต้องทำในแต่ละวันออกมาเพียง 9 งาน ฝึกมองภาพรวมของงานทั้งอาทิตย์ให้ออก งานไหนที่เป็นงานสำคัญเป็นงานที่เราต้องรับผิดชอบตามหน้าที่และบทบาท เราจะบริหารเวลาได้อย่างไร หรืองานที่จะช่วยตอบสนองเป้าหมายระยะยาวของเราให้สำเร็จได้ ส่งเสริมเราสู้หน้าที่และตำแหน่งที่ดีขึ้น

 

ถ้าเรามีภาพที่ชัดเจนในหัวว่าตอนนี้เราต้องรับผิดชอบอะไร และในอนาคตเราต้องการจะไปทางไหน เราจะรู้ว่าควรจะเลือกงานไหนมาทำก่อนหรือหลัง นอกจากจะทำให้เราไม่ต้องทำงานหนักเกินไปในวันใดวันหนึ่งแล้ว ยังสามารถปรับลำดับของสำคัญของงาน รับมือกับความเปลี่ยนแปลง และพลิกแพลงตามสถานการณ์ได้ทันทีอีกด้วย

 

 

ที่มา : JobThai.com

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats